ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 1% หลังอิสราเอลโจมตีฮามาสในโดฮา

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพุธ จากการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ โปแลนด์ยิงโดรนรัสเซีย แรงกดดันจากสหรัฐ ที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรผู้ซื้อน้ำมันรัสเซีย
รอยเตอร์ รายงานว่าราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 1% ในวันพุธ (10 ก.ย.68) อันเนื่องมาจากการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ โปแลนด์ยิงโดรนที่ละเมิดน่านฟ้าของประเทศ และแรงกดดันจากสหรัฐ ที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรผู้ซื้อน้ำมันรัสเซีย แต่ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด จำกัดการเพิ่มขึ้นของราคา
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 67.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต
ล่วงหน้า (WTI) เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 63.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ในการซื้อขายก่อนหน้า หลังจากที่อิสราเอลกล่าวว่า ได้โจมตีผู้นำกลุ่มฮามาสชาวปาเลสไตน์ในโดฮา ดัชนีทั้งสองปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% ไม่นานหลังจากการโจมตี แต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวลดลงอย่างมาก
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อโปแลนด์ยิงโดรนตกเหนือน่านฟ้าระหว่างการโจมตีอย่างกว้างขวางของรัสเซียในยูเครนตะวันตกเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สมาชิกนาโตยิงปืนในสงครามรัสเซียรุกรานยูเครน อย่างไรก็ตาม ไม่มีความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในทันที
นักวิเคราะห์จากธนาคาร SEB กล่าวว่า “เมฆดำแห่งภาวะน้ำมันล้นตลาดกำลังปกคลุมตลาด โดยราคาน้ำมันเบรนท์ลดลงสองดอลลาร์จากวันอังคารที่ผ่านมา ราคาที่สูงขึ้นจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์จะอยู่ได้ไม่นาน เว้นแต่จะเกิดการหยุดชะงักของอุปทานจริง”
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้เรียกร้องให้สหภาพยุโรปขึ้นอัตราภาษี 100% ต่อจีน และอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการกดดันให้มอสโกเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับยูเครน ตามรายงานของแหล่งข่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปอยู่ในกรุงวอชิงตันเพื่อหารือเกี่ยวกับการคว่ำบาตรรัสเซีย อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวเมื่อวันพุธว่า สหภาพยุโรปกำลังพิจารณาการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่มอสโก
แหล่งข่าวจากสหภาพยุโรปกล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิก 27 ประเทศมีแนวโน้มน้อยมากที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสูงต่ออินเดียหรือจีน
นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 กันยายน ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการน้ำมัน
แนวโน้มอุปทานชี้ตลาดยังคงซบเซา
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (Energy Information Administration: EIA) ระบุเมื่อวันพุธว่า สต๊อกน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน และน้ำมันกลั่นของสหรัฐ เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
EIA ระบุว่า สต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 กันยายน 2568 เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในการสำรวจของรอยเตอร์ที่ระบุว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
สต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล สต๊อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตา เพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 35,000 บาร์เรล
“รายงานนี้ค่อนข้างซบเซา ข่าวพาดหัวคือ สำรองน้ำมันดิบที่สูงขึ้น... และยิ่งไปกว่านั้น ราคาน้ำมันเบนซินยังลดลงอย่างมาก เราจึงกำลังรอดูว่าความต้องการน้ำมันเบนซินจะลดลงมากน้อยเพียงใด หลังจากฤดูขับขี่ในช่วงฤดูร้อนของสหรัฐสิ้นสุดลง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีลดลงอย่างมาก” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของ Again Capital กล่าว
“จากข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน ความต้องการน้ำมันเบนซินที่อ่อนแอ และการส่งออกที่ต่ำนี้ อาจเป็นตัวชี้วัดอื่นๆ ของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่กำลังชะลอตัวลง และอาจรวมถึงเศรษฐกิจโลก” คิลดัฟฟ์ กล่าวเสริม
EIA เตือนเมื่อวันอังคารว่า ราคาน้ำมันดิบโลกจะอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่เพิ่มขึ้น จากกลุ่ม เปกพลัส (OPEC+) ซึ่งประกอบองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) และพันธมิตร กำลังเพิ่มปริมาณการผลิต
อัปเดตราคาเช้านี้ (11 ก.ย.68)
บลูมเบิร์ก รายงานว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนตุลาคม แทบไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 63.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 07:33 น. ตามเวลาสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ปิดตลาดสูงขึ้น 1.7% อยู่ที่ 67.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในวันพุธ
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นสามวันติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนกำลังพิจารณาความเห็นล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับรัสเซีย และว่าประธานาธิบดีสหรัฐ จะดำเนินมาตรการลงโทษมอสโกในสงครามยูเครนต่อไปหรือไม่
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์





