สสว. ดัน SME กว่า 2.2 หมื่นราย ลุยธุรกิจสีเขียวรับมือมาตรการสิ่งแวดล้อมโลก

สสว. ดัน SME กว่า 2.2 หมื่นราย ลุยธุรกิจสีเขียวรับมือมาตรการสิ่งแวดล้อมโลก

สสว. ปลื้มผู้ให้บริการทางธุรกิจกว่า 270 หน่วยงาน ร่วมโครงการ BDS ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอีกว่า 2.2 หมื่นราย โดยเฉพาะธุรกิจสีเขียว

น.ส.ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ขณะนี้ หน่วยงานผู้ให้บริการทางธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ขึ้นทะเบียนกับแพลตฟอร์ม Business Development Service (BDS) กับ สสว. แล้วกว่า 270 หน่วยงาน และมีบริการมากกว่า 1,000 บริการ

ทั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (2567-2568) ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 22,030 ราย เพื่อร่วมยกระดับศักยภาพและเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบ BDS

ปัจจุบันมีกว่า 30 หน่วยงาน เป็นผู้ให้บริการทางธุรกิจด้าน การพัฒนาธุรกิจสีเขียว (Green Economy) ตอบรับกระแสรักษ์โลก เช่น หน่วยงานภายใต้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), สถาบันนวัตกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ เนอเจอร์เทค จำกัด เป็นต้น

สำหรับ BDSP ภายใต้โครงการ จะให้บริการใน 5 หมวดบริการ ดังนี้ หมวดที่ 1 การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ หมวดที่ 2 การพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจ เช่น การออกฉลากโภชนาการ การตรวจสอบอายุสินค้า การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ เช่น ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้า

 

หมวดที่ 3 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ เช่น บริการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน เช่น มาตรฐาน อย. มผช. ISO, GMP, HACCP และมาตรฐานอื่นๆ หมวดที่ 4 การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด และ หมวดที่ 5 การพัฒนาตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้ สสว. มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีเขียว เช่น การประเมินคาร์บอนฟุต พริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) หรือขององค์กร (CFO) การจัดทำมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม หรือ แอปพลิเคชั่น AI รายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สำหรับ SME ไทย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ได้เตรียมความพร้อมสำหรับมาตรฐานสีเขียวที่มีความเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ปัจจุบัน มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของยุโรปจะเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ มีการตรวจวัดทุกอย่างที่ปล่อยออกจากโรงงานว่าจะต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิของน้ำทิ้ง การสูบน้ำไปใช้ในโรงงานจะต้องไม่ติดปลาหรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ทำให้สัตว์ประจำถิ่น หรือแมลงต้องอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากจะส่งผลต่อภาคการเกษตร โดยโรงงานที่เข้าไปดำเนินการอยู่ในพื้นที่นั้นๆ จะต้องไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจะต้องเตรียมตัว เพื่อให้ผ่านมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ"