ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น หลังโอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้อยกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น หลังโอเปกพลัสเพิ่มการผลิตน้อยกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ จากที่ร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย ตลาดกังวลคว่ำบาตรน้ำมันดิบรัสเซียเพิ่มเติม

รอยเตอร์ รายงานราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ (8 ก.ย.68)  ฟื้นตัวจากที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย และเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการคว่ำบาตรน้ำมันดิบรัสเซียเพิ่มเติม

 

โอเปกพลัส ได้ส่งสัญญาณแผนการเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ปริมาณการผลิตน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าสมาชิกกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีกครั้ง

 

“ตลาดคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตของโอเปกพลัส ครั้งนี้” โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo Bank กล่าว “วันนี้เราเห็นปฏิกิริยาแบบ “ขายเมื่อได้ยินข่าวลือ” และ “ซื้อเมื่อได้ยินข้อเท็จจริง”

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.79% ปิดที่ 66.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 62.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ดัชนีทั้งสองปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ในวันศุกร์ เนื่องจากรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการพลังงานลดลง โดยลดลงมากกว่า 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว

 

โอเปกพลัส (OPEC+) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (OPEC) รัสเซีย และพันธมิตรอื่นๆ ได้ตกลงกันเมื่อวันอาทิตย์ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

 

OPEC+ ได้เพิ่มกำลังการผลิตมาตั้งแต่เดือนเมษายน หลังจากการลดกำลังการผลิตมาหลายปีเพื่อพยุงตลาดน้ำมัน การตัดสินใจครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีแนวโน้มภาวะน้ำมันล้นตลาดในซีกโลกเหนือในช่วงฤดูหนาว

 

สมาชิก OPEC+ ทั้ง 8 ประเทศจะเพิ่มกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคมขึ้นอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นประมาณ 555,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายนและสิงหาคม และ 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคมและมิถุนายนอย่างมาก

 

ตลาดคาดว่าผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นนี้จะค่อนข้างต่ำ เนื่องจากสมาชิกบางรายมีการผลิตน้ำมันมากเกินไปอยู่แล้ว ดังนั้น ระดับการผลิตที่สูงขึ้นน่าจะรวมถึงบาร์เรลที่มีอยู่แล้วในตลาด นักวิเคราะห์กล่าว

ตลาดจับตาสหรัฐคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียเร็วๆนี้

โทชิทากะ ทาซาวะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฟูจิโทมิ กล่าวว่า “ความคาดหวังว่าอุปทานจะตึงตัวขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ก็ช่วยสนับสนุนตลาดเช่นกัน”

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาพร้อมที่จะออกการคว่ำบาตรรัสเซียระยะที่สอง ซึ่งถือเป็นจุดที่บ่งชี้ว่าเขาใกล้จะใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อมอสโกหรือผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อหยุดสงครามในยูเครน

 

เฟรเดริก ลาสแซร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลกของกุนวอร์ บริษัทพลังงาน กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การคว่ำบาตรผู้ซื้อน้ำมันรัสเซียครั้งใหม่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบ

 

รัสเซียเปิดฉากการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในสงครามยูเครนเมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้อาคารรัฐบาลกลางในกรุงเคียฟถูกไฟไหม้ และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าว

 

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผู้นำยุโรปแต่ละคนจะเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาในวันจันทร์และวันอังคาร เพื่อหารือถึงวิธีการแก้ไขความขัดแย้ง

 

ในบันทึกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า คาดการณ์ว่าจะมีน้ำมันส่วนเกินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2569 เนื่องจากการปรับเพิ่มระดับอุปทานในทวีปอเมริกามีน้ำหนักมากกว่าการปรับลดระดับอุปทานของรัสเซียและอุปสงค์ทั่วโลกที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ ยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์/WTI สำหรับปี 2568 ไว้เท่าเดิม และคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2569 ไว้ที่ 56/52 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล