บพท. แนะ 'คนละครึ่งโฉมใหม่' เพิ่มกลไกหนุนท้องถิ่น - กลุ่มเปราะบาง

บพท. แนะ 'คนละครึ่งโฉมใหม่' เพิ่มกลไกหนุนท้องถิ่น - กลุ่มเปราะบาง

“บพท.”แนะรัฐบาลฟื้นคนละครึ่งควรเพิ่มกลไก ช่วยครัวเรือนเปราะบาง ให้ร้านค้าในชุมชนท้องถิ่นเข้าร่วมมากขึ้น ลดช่องว่างนโยบาย กระจายเงินทั่วถึง ช่วยเม็ดเงินลง ศก.เร็ว

นายกิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)  กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลจะนำ"โครงการคนละครึ่ง"กลับมาใช้ว่าจากข้อมูลที่มีในระดับพื้นที่พบว่าโครงการนี้ได้พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และสามารถเป็นนโยบายที่ช่วยให้เศรษฐกิจนอกระบบ (informal sector) เข้าสู่ระบบด้วยซึ่งก็จะทำให้ระบบภาษีของเราดีขึ้นไปด้วย

นอกจากนั้นนโยบายนี้ยังช่วยในเรื่องของการแบ่งปันผลประโยชน์ (share benefit) ระหว่างผู้ประกอบการ กับรัฐบาล แล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนไปในตัว

อย่างไรก็ตามหากโครงการ(คนละครึ่งโฉมใหม่)นี้นำมาใช้ใหม่ควรมีการปรับปรุงนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ในท้องที่ และท้องถิ่นทั่วประเทศ ก็จะมีประโยชน์มากขึ้น รวมทั้งควรมีการกำหนดเงื่อนไขเชิงนโยบาย เช่น เงื่อนไขที่จะจัดหาความช่วยเหลือ ให้กับครัวเรือนเปราะบาง หรือความสอดคล้องของนโยบายคนละครึ่งกับนโยบายอื่น เช่น บัตรสวัสดิการภาครัฐ เป็นต้น

“หากสามารถปรับปรุง และเพิ่มเงื่อนไขนโยบายจะเชื่อมโยงไปสู่ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนายกระดับเศรษฐกิจฐานรากไปในตัว ไม่เกิดการกระจุกตัว”
 

สำหรับในส่วนของนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนควบคู่ไปกับการไขปัญหา หนี้สินของประชาชนซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีที่ได้ประกาศนโยบายการแก้ปัญหาเร่งด่วนว่าสำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายนั้นมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การปรับโครงสร้าง และทำนโยบายเชิงรุก เช่น นโยบายสวัสดิการเชิงรุกที่ครอบคลุม โดยอาจจะปรับปรุงจากโครงการเดิม เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งการคิดระบบสวัสดิการที่ลงถึงระดับครัวเรือน

โดยสิ่งที่จำเป็นคือ การสร้างระบบข้อมูลชี้เป้า ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือกับกลไกพื้นที่ ท้องที่ท้องถิ่น เพื่อชี้เป้า และทำให้คนจนตกหล่นในพื้นที่ต่างๆ สามารถเข้าถึงสวัสดิการได้

บพท. แนะ 'คนละครึ่งโฉมใหม่' เพิ่มกลไกหนุนท้องถิ่น - กลุ่มเปราะบาง

“สิ่งนี้คือ การปรับรูปแบบ โครงสร้างนโยบาย เช่น โครงการความช่วยเหลือต่างๆ ที่เป็นโครงการพัฒนาอาชีพ ทักษะต่างๆ ต้องกำกับติดตามให้เป็นโครงการพัฒนาที่เข้าถึงระดับครัวเรือน  แล้วก็ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย บทบาทของสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าไปสู่การพัฒนาทักษะอาชีพอย่างยั่งยืนด้วย” นายกิตติ กล่าว
 

นายกิตติ ยังกล่าวด้วยว่าในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้มีการประกาศไว้ เรื่องการรับมือกับภัยพิบัติ ถือเป็นนโยบายที่สำคัญมาก ซึ่งนอกจากกลไกในเรื่องของการสร้างระบบเตือนภัยในส่วนของการปรับโครงสร้างการผลิต การพัฒนาทักษะอาชีพ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้รองรับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดในแต่ละพื้นที่

รวมทั้งสนับสนุนให้มีการนำเอาความรู้ที่ได้จากการวิจัยมาใช้ในการปรับโครงสร้างภาคการผลิต ปรับเปลี่ยนอาชีพที่สอดคล้องกับบริบทสิ่งแวดล้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติได้ในอนาคต

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์