'การบินไทย' เปิดแผนเร่งตลาดจีน 5 จุดบินใหม่ดันรายได้โตเท่าตัว

"การบินไทย" กางแผนฟื้นตลาดจีน รุกเพิ่มความถี่ - เปิดจุดบินใหม่ ตั้งเป้าปีหน้ารายได้โต 2 ดิจิต ระบุผู้โดยสารปัจจุบันเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ แนะรัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่น พร้อมลงทุนแหล่งท่องเที่ยวใหม่เป็นจุดขาย
KEY
POINTS
- "การบินไทย" กางแผนฟื้นตลาดจีน รุกเพิ่มความถี่ - เปิด 5 จุดบินใหม่ ตั้งเป้าปีหน้าทำรายได้โต 2 ดิจิต พร้อมชูกลยุทธ์ดันไทยเป็นฮับเชื่อมต่อเที่ยวบิน
- ระบุผู้โดยสารปัจจุบันเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อ แนะรัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่น พร้อมลงทุนแหล่งท่องเที่ยวประเภท Man - made เป็นจุดขายใหม่
- ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาท
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดแผนเพิ่มขีดความสามารถของจำนวนที่นั่ง (Capacity) โดยเตรียมทยอยรับมอบฝูงบินใหม่เข้ามาให้บริการปี 2569 มากกว่า 20 ลำ ประกอบด้วย ภายในปี 2568 การบินไทยมีแผนรับมอบเครื่องบินลำตัวแคบ A321 NEO จำนวน 2 ลำ พร้อมทั้งเช่าเครื่องโบอิ้ง 787-9 เพิ่มอีก 1 ลำ ส่วนในปี 2569 จะรับมอบ A321 NEO เพิ่มอีก 15 ลำ และจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมเสริมทัพในปีดังกล่าวอีก 8-10 ลำ
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2569 การบินไทยจะมีการรับมอบเครื่องบินลำตัวแคบจำนวนมาก จึงวางแผนที่จะโฟกัสตลาดเส้นทางบินระยะสั้นและระยะกลางเป็นหลัก โดยแน่นอนว่าจีนยังเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ทำให้การบินไทยวางแผนนำฝูงบินที่รับมอบใหม่นั้นไปเสริมในตลาดนี้ ซึ่งจะมีทั้งการเพิ่มความถี่และการเปิดจุดบินใหม่
โดยการบินไทยจะเริ่มแผนดังกล่าวตั้งแต่ช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นปลายเดือน ต.ค. 2568 - มี.ค.2569 ประกอบด้วย เพิ่มความถี่ในเส้นทางที่มีดีมานด์สูง คือ ปักกิ่ง และกวางโจว จากปัจจุบัน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ นอกจากนี้จะกลับมาทำการบินในเส้นทางเดิมที่ไทยสมายล์เคยให้บริการ คือ เซียเหมินฉงชิง และฉางชา โดยจะเปิดทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกัน การบินไทยจะเปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เมือง คือ อู่ฮั่น และเซินเจิ้น ทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งทั้งสองจุดบินนี้นับเป็นจุดบินที่มีศักยภาพสูง เพราะเป็นเมืองใหญ่ เป็นเมืองเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะมีดีมานด์การเดินทางโดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และปัจจุบันนิยมเดินทางเชื่อมต่อเส้นทางบินไปยุโรปและออสเตรเลีย ทำให้การเปิดจุดบินใหม่นี้จะเสริมกลยุทธ์การบินไทยเป็น “Network Airline” หรือสายการบินเชื่อมต่อการเดินทาง (Connecting Flight) ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) เชื่อมต่อจุดบิน
“ปัจจุบันตลาดจีนคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% ซึ่งการวางแผนเพิ่มความถี่และเปิดจุดบินใหม่ครั้งนี้ ปีหน้าการบินไทยจะมีจำนวนเที่ยวบินไปยังตลาดจีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว และจะผลักดันรายได้เติบโตด้วย ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2 ดิจิต หรือมากกว่า 10%”
ชาย กล่าวด้วยว่า แม้หลายคนจะมองว่าปัจจุบันตลาดจีนยังไม่ฟื้นตัว วัดจากปริมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ในส่วนของการบินไทยนั้น มองการเติบโตที่รายได้ ซึ่งพบว่าตลาดจีนยังคงมีการเดินทางและสร้างรายได้ให้กับการบินไทยอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว FIT ที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง รวมไปถึงนักธุรกิจที่ใช้บริการการบินไทยเดินทางเชื่อมต่อจุดบิน
นอกจากนี้ ปัจจุบันจีนยังเป็นจุดหมายปลายทางที่มีการเดินทางจากผู้โดยสารหลากหลายสัญชาติเข้า – ออก ดังนั้น จีนจึงนับเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้การบินไทยเติบโต และตอกย้ำกลยุทธ์ Network Airline โดยการบินไทยจะมุ่งเป็นสายการบินที่ขนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า - ออกจีน และเชื่อมต่อไปยังจุดบินอื่นๆ ทั่วโลก ใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง เพื่อขนผู้โดยสารจากยุโรป ออสเตรเลีย และอื่นๆ เพื่อเดินทางมายังจีน
อีกทั้งจีนยังนับเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพและมีโอกาสมหาศาล โดยหากนับเฉพาะเมืองที่การบินไทยทำการบินนั้น ล้วนเป็นหัวเมืองหลักของจีน และมีประชากรไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน ในแต่ละวันมีโอกาสการเดินทางจำนวนมาก ซึ่งจุดแข็งของการบินไทย คือ ประเทศไทยที่มีภูมิประเทศสามารถเชื่อมต่อการเดินทางทั่วโลกอย่างสะดวก มีความได้เปรียบในด้านภูมิประเทศ ทำให้การบินไทยจะสามารถควบคุมต้นทุนการให้บริการได้ต่ำกว่าคู่แข่ง แต่กลับมีมาตรฐานบริการที่ดี
อย่างไรก็ดี การบินไทยมองว่าการจะฟื้นตลาดจีนให้กลับมาคึกคัก โจทย์สำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่มีความอ่อนไหว ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศจีนไม่ได้เป็นสาเหตุหลักกระทบการตัดสินใจเดินทาง แต่เกิดจากความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน หากจะกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนนั้น ภาครัฐควรเน้นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการดึงกลุ่ม High Spender ที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างรายได้สูงสุดให้กับประเทศ นอกจากนี้ วัฒนธรรมและธรรมชาติยังเป็นจุดดึงดูดในการท่องเที่ยว แม้ว่าไทยจะมีจุดแข็งด้านนี้ แต่ควรเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวประเภท Man - made หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การบินไทยยังมองว่า การเดินทางธุรกิจด้วยกลยุทธ์มุ่งตลาดศักยภาพสูง พร้อมสร้างฮับการบินนั้น จะดันรายได้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่พึ่งพารายได้เพียงตลาดเดียว ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 1.9 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8 แสนล้านบาท







