เงินเฟ้อ ส.ค.ติดลบ 0.79% หดตัวต่อเนื่องเดือนที่ 5 'พาณิชย์' ปัดเงินฝืด

เงินเฟ้อ ส.ค.ติดลบ 0.79% หดตัวต่อเนื่องเดือนที่ 5 'พาณิชย์' ปัดเงินฝืด

สนค.เผย อาหารสด - น้ำมัน ลด ทำเงินเฟ้อเดือนส.ค.ติดลบ 0.79%  ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ยันไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เตรียมทบทวนเป้าทั้งปีเดือนหน้า

นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยหรือเงินเฟ้อเดือนส.ค.2568 ติดลบ 0.79%  ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่  5  โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ เนื่องจากอุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มพลังงานจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าจากมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สำหรับราคาสินค้า และบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

เงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.ที่ลดลง 0.79% มาจากหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม ลดลง  1.22% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว แชมพู แป้งผัดหน้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยารีดผ้า  น้ำยาล้างจาน) ค่าโดยสารเครื่องบิน และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษ และสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษ และสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และอาหารสัตว์เลี้ยง

เงินเฟ้อ ส.ค.ติดลบ 0.79% หดตัวต่อเนื่องเดือนที่ 5 'พาณิชย์' ปัดเงินฝืด

หมวดอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.08 %   จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผักสด (ต้นหอม มะนาว พริกสด มะเขือ แตงกวา ผักกาดขาว ผักชี) กลุ่มผลไม้สด (ทุเรียน ส้มเขียวหวาน เงาะ ฝรั่ง มะม่วง องุ่น) และไข่ไก่

อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (ปลานิล ปลาทู) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง มะขามเปียก) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน น้ำตาลมะพร้าว)

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสด และพลังงานออก สูงขึ้น  0.81 % เงินเฟ้อเฉลี่ย  8 เดือน (ม.ค. – ส.ค.) ของปี สูงขึ้น 0.08 % 

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ย.ปี 2568 คาดว่าจะยังคงลดลง  โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่  ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนก.ย. – ธ.ค. 2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย

ส่วนราคาผักสด และผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย  ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น และ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสภาวะการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิด และเครื่องประกอบอาหารที่มีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกอาจมีความผันผวนจากสถานการณ์ที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานของตลาดโลก

“เงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่  5  ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะเกิดจากอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ซึ่งเงินเฟ้อเคยลดลงต่อต่อเนื่อง 13 เดือนในช่วงโควิด อีกทั้งเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวกอยู่  อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อในไตรมาส 3  จะติดลบ 0.66 % ส่วนไตรมาส 4  คาดว่าจะติดลบ 0.24 %  โดยในเดือนหน้าจะมีการทบทวนเงินเฟ้อทั้งปี จากเป้าหมายเดิมที่อยู่ระหว่าง 0.0 - 1.0 %  ค่ากลาง 0.5 % ”นางสาวณัฐิยา กล่าว

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนก.ค.2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.70 %  โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 7 จาก 138 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 9 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว)

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์