โรเบิร์ต วอลเตอร์ส ชี้เทรนด์จ้างงานโลกขยายเกษียณ รับสังคมสูงวัย

“โรเบิร์ต วอลเตอร์ส” ชี้เทรนด์จ้างงานไทยเดินตามเทรนด์จ้างงานโลก องค์กรหันจ้างพาร์ทไทม์ – สัญญาจ้าง รับกับรูปแบบการทำงานใหม่ พร้อมขยายอายุเกษียณ แก้ปัญหาประชากรลด
ความเคลื่อนไหวในตลาดแรงงานในไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีความน่าสนใจทั้งเรื่องของรูปแบบการจ้างงาน และการลดอายุเกษียณลงของบางองค์กรที่มีการเสนอแพคเกจสมัครใจลาออก (early retire) สำหรับพนักงงานในวัย 45 ปีขึ้นไปถือเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) ที่ระบุว่าภาคเอกชนไทยกกว่า 25% มีการหันมาจ้างงานในรูปแบบพาร์ทไทม์ หรือการจ้างงานแบบสัญญาจ้างแทนการจ้างงานพนักงานประจำซึ่ง สศช.อธิบายว่าเกิดจากภาวะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่ทำให้หลายองค์กรลดต้นทุนจนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงาน
“กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์ ปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการประจำประเทศไทยของบริษัท โรเบิร์ต วอลเตอร์ส บริษัทที่คร่ำหวอดในธุรกิจด้านการจัดหางาน (Recruitment) ระดับโลกเกี่ยวกับประเด็นนี้
“ปุณยนุช” เปิดเผยว่าเทรนด์ของการจ้างงานที่ไม่ได้เป็นการจ้างพนักงงานประจำ แต่เป็นลักษณะของสัญญาจ้าง (Contract) หรือการจ้างงานชั่วคราว (interim) นั้นแม้จะเป็นเทรนด์ที่ยังใหม่สำหรับประเทศไทย แต่ก็เกิดขึ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้วในหลายประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศในยุโรป ซึ่งจากข้อมูลที่โรเบิร์ต วอลเตอร์ส ได้มีการสำรวจจากผู้บริหาร หรือ CEO กว่า 31 ประเทศโดยเฉพาะในยูโรโซนจะมีการจ้างงานในลักษณะของงานที่ไม่ได้เป็นงานประจำ
นอกจากนั้นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีบางประเทศที่ใช้รูปแบบการจ้างงานในลักษณะนี้มากขึ้น เช่น สิงคโปร์ ซึ่งแนวโน้มการจ้างงานในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นมาสักพักแล้วซึ่งเป็นการออกแบบรูปแบบการจ้างงานของแต่ละองค์กรซึ่งต้องดูความเหมาะสมหลายอย่าง ประกอบกับในปัจจุบันหลายองค์กรมีการออกแบบรูปแบบการทำงานให้มีความคล่องตัว และยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อรวมกับความพร้อมและการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เอื้อต่อรูปแบบการทำงานที่เป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) มีการทำงานแบบ Work from home เข้ามาทำให้รูปแบบการทำงานที่เป็นพนักงานประจำต้องเข้าไปประจำที่ออฟฟิศทุกวันลดลงไปด้วย
“ในเรื่องรูปแบบการจ้างงานที่มีการจ้างงานแบบพาร์ทไทม์และชั่วคราวมากขึ้นหากมองในมุมมองจากรูปแบบการจ้างงานในหลายประเทศทั่วโลกถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าวิตกและกังวล เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศแล้ว ดังนั้นเมื่อเทรนด์การจ้างงานในรูปแบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยจึงเป็นเรื่องที่ทั้งคนทำงาน และองค์กรต้องมีการเตรียมความพร้อมรองรับกับรูปแบบงานในลักษณะนี้ที่จะเกิดในประเทศไทยมากขึ้นซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการจ้างงานของหลายประเทศในโลก” ปุณยนุช กล่าว
สำหรับประเด็นที่องค์กรขนาดใหญ่มีการลดอายุการสมัครใจลาออกของพนักงานลงนั้นต้องมองในภาพรวมของตลาดแรงงานในประเทศไทยว่าในแง่ของดีมานต์ของการจ้างงานในประเทศไทยถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูง วัยแรงงานในประเทศไทยหางานได้ไม่ยาก ดังนั้นในกรณีที่บางองค์กรมีการลดอายุในการสมัครใจลาออก อาจเปิดโอกาสให้แรงงานที่ลาออกไปเริ่มทำงานในที่ใหม่ หรือในสาขาอาชีพอื่นๆได้
อย่างไรก็ตามการที่มีบางองค์กรประกาศลดอายุการสมัครใจลาออกลงมาจากเดิม 50 – 55 ปีมาอยู่ที่ 45-50 ปี นั้นมาจากการศึกษาเรื่องของโครงสร้างอายุ และตำแหน่งงานของพนักงานในองค์กรนั้นๆ ที่อาจต้องการลดจำนวนพนักงานในช่วงอายุดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะงาน แต่หากดูในภาพรวมแล้วจะพบว่าในสาขางานอื่นๆ หรือในอุตสาหกรรมเดียวกันก็ยังมีการขยายอายุจ้างงานบางตำแหน่งงานนั้นมีการขยายอายุการจ้างงานไปถึง 70 ปี ซึ่งก็เห็นถึงลักษณะที่มีการเปลี่ยนแปลงของการจ้างงานไปในตลาดแรงงานได้พอสมควร
“เทรนด์การขยายอายุเกษียณแรงงาน ในบาง sector แนวโน้มนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในยุโรป และบริษัทไทยบางแห่งก็เริ่มนำมาใช้ด้วยการขยายสัญญาจ้างงาน โดบลูกค้าบางรายที่เราได้พูดคุยด้วย โดยพวกเขาได้ขยายสัญญาการทำงานของผู้บริหารออกไป ซึ่งในตอนนี้ยังขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล องค์กร และกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วย”
หลายประเทศขยายอายุเกษียณ
ผู้จัดการประจำประเทศไทย โรเบิร์ต วอลเตอร์ส ยังได้ยกตัวอย่างถึงตัวอย่างของหลายประเทศที่มีการขยายอายุเกษียณของแรงงานเพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างอายุของประชากร และรับมือสังคมสูงวัย โดยหลายประเทศในยุโรปได้มีการเดินหน้านโยบายในเรื่องนี้ ได้แก่ เดนมาร์กถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีท่าทีชัดเจน โดยมีแผนขยายอายุเกษียณไปจนถึง 74 ปีภายในปี 2060 ขณะที่สหราชอาณาจักรกำหนดเป้าหมายจะปรับอายุเกษียณเป็น 68 ปีภายในปี 2046 ส่วนอิตาลีมีแนวโน้มจะขยับอายุเกษียณไปอยู่ที่ 71 ปี โดยขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
เอสโตเนียก็มีท่าทีคล้ายกัน โดยคาดว่าจะปรับอายุเกษียณไปอยู่ที่ 71 ปี ขณะที่เนเธอร์แลนด์กำหนดแล้วว่าจะขยายอายุเกษียณเป็น 67 ปีมาตั้งแต่ปี 2023 สำหรับสวีเดน ปัจจุบันได้กำหนดอายุสูงสุดของการจ้างงานที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทางกฎหมายไว้ที่ 67 ปี
ด้านฟินแลนด์เลือกใช้ระบบเชื่อมโยงอายุเกษียณเข้ากับอายุคาดเฉลี่ยของประชากร เพื่อปรับอายุการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สโลวาเกียคาดว่าอายุเกษียณในอนาคตจะขยับขึ้นไปแตะ 69 ปี
ซึ่งทิศทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับโครงสร้างนโยบายแรงงานและบำนาญของประเทศต่างๆที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีประชากรวัยแรงงานลดลง และมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น







