“จตุพร” รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024 ย้ำ แม้เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ แต่ยังดูแลเกษตรกรได้

“จตุพร” มอบ 21 รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024 เชิดชู เกษตรกร-สถาบันเกษตรกร มุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้านชาวนาโอด ราคาข้าวเปลือกตกต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ล่าสุดข้าวเกี่ยวสดเหลือตันละ 3.5 พันบาท วอนรัฐบาลใหม่ ดูแลแก้ปัญหา
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2567 ว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ สร้างการเติบโตทั้งในเชิงคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศตลอดมา กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสินค้าข้าวไทยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสำคัญเร่งด่วน ตามแนวทาง “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เป็น “พาณิชย์พึ่งได้” โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคการเกษตรซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับข้าวไทย เพิ่มมูลค่า สร้างแบรนด์ข้าวไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดสากล เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริม รักษา และขยายโอกาสทางการตลาดให้กับข้าวไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน
โดยปีนี้ ได้ผู้ชนะ 18 ราย จากหลายหน่วยงาน ชี้ให้เห็นว่าข้าวหอมมะลิไทยเป็นหัวใจของสำคัญของตลาดส่งออกข้าวไทย ที่ขายได้ตลอดเวลาและปัจจุบันชาวนาไทย ยังคงรักษามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยได้ไว้ได้อยู่ และคาดหวังว่า จากนี้ชาวนาไทยจะยังคงรักษามาตรฐานและปลูกข้าวหอมมะลิไทยที่มีคุณภาพต่อไป เพื่อให้ข้าวหอมมะลิไทยยังคงได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในงานมอบรางวัลครั้งนี้ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยุ) เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าวกับผู้ชนะการประกวดด้วย
“สภาพอากาศตอนนี้ยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่เราอาจจะต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงานเข้ามาให้ความรู้เพื่อตั้งรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ไทยยังสามารถคงคุณภาพข้าวและผลผลิตให้ได้”
สำหรับการดูแลเกษตรกรในขณะนี้ ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ เพราะโครงการช่วยเหลือต่างๆ ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ทั้งโครงการไร่ละ 1,000 บาทสำหรับข้าวนาปรังปี 68 และข้าวนาปีปี 68/69 รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพราคาข้าว นอกจากนี้ ยังมีข้าราชการ ที่คอยขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้เหมือนเดิม
ส่วนประเด็นการเจรจาภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯนั้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะกกระทรวงพาณิชย์ก็อยู่ในคณะเจรจา ซึ่งสามารถเดินหน้าเจรจาต่อไปได้ ส่วนประเด็นการเจรจา บางประเด็นที่อาจจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็คงต้องดูในแต่ละประเด็นดูในแต่ละเรื่อ
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกนาปรังตกต่ำอย่างหนัก และน่าจะต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี โดยเหลือเพียงตันละประมาณ 3,500 บาทสำหรับข้าวเกี่ยวสด เพราะชาวนาต้องเร่งเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม และไม่มีสถานที่ตากข้าวให้แห้ง เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกหนัก และเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ถ้าไม่เร่งเก็บเกี่ยว ข้าวจะเสียหายจากการจมน้ำได้ ส่วนข้าวแห้งไม่เกิน 25% ราคาอยู่ที่ตันละ 5,500-6,000 บาทเท่านั้น
“ตอนนี้ชาวนาลำบากมาก ราคาข้าวเปลือกตกต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ถ้าเกี่ยวสด ความชื้นสูง เหลือประมาณตันละ 3,500 บาท แต่มีต้นทุนตันละกว่า 6,000 บาท ใจจริงถ้าขายข้าวแห้งได้ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,000 บาท ชาวนาก็พอใจแล้ว แต่คิดว่า ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะแม้ช่วงที่ผ่านมา มีรัฐบาลก็ยังไม่แก้ปัญหาราคาตกต่ำให้ แล้วยิ่งไม่มีรัฐบาลตัวจริง มีแต่รัฐบาลรักษาการณ์ ยิ่งน่าจะไม่มีใครสนใจแก้ปัญหาให้ชาวนา และเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ แน่นอน ขณะนี้ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญแทบจะทุกตัว ราคาตกลงมาก เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง”
ส่วนโครงการไร่ละ 1,000 บาทสำหรับช่วยเหลือชาวนา ทั้งนาปรังปี 68 และนาปีปี 68/69 นั้น ขณะนี้ ชาวนาทยอยได้รับเงินแล้ว แต่หากรัฐบาลใหม่ หรือรัฐบาลใดก็ตาม หากสามารถลดต้นทุนให้ชาวนา มีพันธุ์ข้าวที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลา และให้ผลผลิตต่อไร่สูงๆ ชาวนาก็จะไม่ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาทอีกแล้ว
สำหรับการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยประจำปี 2567 มีเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรจาก 22 จังหวัด ส่งตัวอย่างเข้าร่วมประกวดรวม 755 ตัวอย่าง ผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวม 21 รางวัล แบ่งเป็น ประเภทสถาบันเกษตรกร 3 ราย และประเภทเกษตรกรรายบุคคล 18 ราย โดยประเภทสถาบันเกษตรกร รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาสตรี จ.กาฬสินธุ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิงาม 105 จ.ร้อยเอ็ดสำหรับประเภทเกษตรกรรายบุคคล รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายสมจิต แก้วนาเหนือ จ.ร้อยเอ็ด รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายกัณหา พาพิมพ์ จ.หนองคาย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางทองพูล โคกลือชา จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งผู้ได้รับรางวัลทุกประเภทได้รับโล่เกียรติยศ เกียรติบัตร และเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 625,000 บาท
ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิฯ การทำ MOU เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าวกับผู้ชนะการประกวด มีผลิตภัณฑ์ข้าวของผู้ชนะการประกวดฯ หลากหลายแบรนด์ที่นำมาให้ชิมและจำหน่ายในราคาพิเศษ อาทิ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ (ข้าวภูลังกา) และข้าวตราเรือไฟ จาก จ.นครพนม ข้าวช้างชุมพล จ.สุรินทร์ ข้าวนาคุณตาณรงค์ จ.อุบลราชธานี ข้าวจากกลุ่มข้าวปลอดสารพิษ ต.แม่อ้อ จ.เชียงราย และผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากข้าวหอมมะลิ เช่น ผลิตภัณฑ์ข้าวจากธัญพืช “พองพองไรซ์” ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม “ข้าวแท่ง (Rice Bar)” ไอศกรีมข้าวหอมมะลิจากเกษตรกร จ.ฉะเชิงเทรา และเครื่องดื่ม MR.SATO ที่รังสรรค์จากข้าวไทยและความใส่ใจแบบคราฟต์ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพื้นที่สาธิตการตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการโดยสภาหอการค้าไทย







