กนอ.ศึกษาต้นแบบนวัตกรรม-ความปลอดภัยญี่ปุ่น ยกระดับนิคมฯ สู่สากล

กนอ. เดินหน้ายกระดับนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับสากล ศึกษาดูงาน 3 องค์กรชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก
นายอัฏฐพล นิธิสุนทรวิทย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายงานผู้ว่าการ 1 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ กนอ. ในการเป็นหัวหน้าคณะนำคณะเจ้าหน้าที่ กนอ. และสื่อมวลชน เดินทางมาศึกษาดูงาน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 27 – 31 สิงหาคม 2568
ทั้งนี้ เพื่อเรียนรู้และถอดบทเรียนความสำเร็จจาก 3 องค์กรชั้นนำของญี่ปุ่น ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม การบริหารจัดการเชิงธรณีวิทยา และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทย ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก
3 สถานที่สำคัญ ประกอบด้วย
1.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งชาติ (AIST) ซึ่งเป็นศูนย์นิทรรศการของสถาบัน AIST เพื่อเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมขั้นสูงของญี่ปุ่น ซึ่งภารกิจของ AIST สอดคล้องโดยตรงกับพันธกิจของ กนอ. ในการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชิงลึก
การดูงานครั้งนี้จะทำให้ กนอ. สามารถนำองค์ความรู้มาต่อยอดในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) และส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาภายในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
2.) พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา (Geological Museum, GSJ, AIST) โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ด้านธรณีวิทยา ซึ่งสอดคล้องต่อภารกิจของ กนอ.ในด้านการวางผังและพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่ง กนอ. ให้ความสำคัญกับการเลือกพื้นที่ตั้งที่มีความเหมาะสมและมั่นคงทางธรณีวิทยา เพื่อสร้างความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้กับโรงงานอุตสาหกรรม การศึกษาดูงานในส่วนนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในการประเมินและบริหารจัดการที่ดินตามหลักธรณีวิทยา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
3.) ศูนย์ป้องกันภัยพิบัติฮอนโจ (Honjo Bosai-kan) เพื่อสัมผัสประสบการณ์จำลองและฝึกฝนการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติหลากหลายรูปแบบ เช่น แผ่นดินไหว อุทกภัย และไฟไหม้ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภารกิจของ กนอ. ในการสร้างความปลอดภัยและบริหารจัดการความเสี่ยงภายในนิคมอุตสาหกรรม องค์ความรู้ที่ได้จะถูกนำมาพัฒนาระบบเฝ้าระวัง แผนเผชิญเหตุ และส่งเสริมการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อสร้างหลักประกันว่าการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของไทยมีความปลอดภัยและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน
“การเดินทางมาศึกษาดูงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ กนอ. ที่จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเราเชื่อมั่นว่าการถอดบทเรียนจากต้นแบบความสำเร็จระดับโลกของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในมิติของนวัตกรรม ความยั่งยืน และความปลอดภัย
จะเป็นทั้งกุญแจสำคัญและพิมพ์เขียวแห่งอนาคตในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล ผ่านการสร้างนิคมฯ อัจฉริยะที่แข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี มีเสถียรภาพมั่นคง และมีเกราะป้องกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั่วโลกได้อย่างยั่งยืน” นายอัฏฐพล กล่าว







