เช็กลิสต์ นโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ลุ้นรัฐบาลใหม่เคาะ ไปต่อหรือไม่?

ตำแหน่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงทันที กระแสการเมืองไทยกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ไม่เพียงแต่เกมชิงอำนาจ แต่ยังโยงไปถึง “นโยบายเศรษฐกิจ” ที่อาจสะดุด
KEY
POINTS
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังนายกฯ พ้นตำแหน่ง ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อนโยบายเศรษฐกิจสำคัญหลายฉบับที่กำลังผลักดันอยู่
- นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีความเสี่ยงสูงที่จะสะดุดหากมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ขณะที่โครงการแลนด์บริดจ์และหวยเกษียณมีโอกาสสูงที่จะเดินหน้าต่อได้
- กฎหมายเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น พ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน และ พ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ ยังอยู่ในกระบวนการทางสภาฯต้องจับตาการผลักดัน
- เงื่อนไขการยุบสภาฯใน 4 เดือนยังเป็นเงื่อนไขที่ทำให้กฎหมายบางฉบับไม่ทันการพิจารณาในสภาฯ
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยภายหลังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ที่อาจส่งผลต่อการสลับเปลี่ยนขั้วการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหลายฉบับที่รัฐบาลกำลังอยู่ในระหว่างผลักดันให้ออกมามีผลบังคับใช้
“ทีมข่าวเศรษฐกิจกรุงเทพธุรกิจ” ได้รวบรวมนโยบาย และกฎหมายสำคัญทางด้านเศรษฐกิจที่อาจจะต้องสะดุดลง หรือต้องรอการทบทวนจากรัฐบาล โดยมีหลายเรื่องที่ต้องรอลุ้นว่าจะสามารถเดินหน้าต่อได้หรือไม่ ได้แก่
1. นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเดิมมีกำหนดที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.68 นี้ โดยได้มีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ก่อนที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคมได้ออกมาขอโทษประชาชน และยอมรับว่าไม่ทันในวันที่ 1 ต.ค.68 แต่จะขอเลื่อนไปเป็น 15 พ.ย.68 นี้
ทั้งนี้กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางราง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ได้ผ่านความเห็นชอบจากของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.สส.) ครบทุกมาตราแล้ว และผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามนโยบายนี้นับได้ว่าเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมามีบางพรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยในหลักการของกฎหมายนี้ ซึ่งต้องจับตาว่าหากการเมืองเปลี่ยนขั้วการนำจากพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคภูมิใจไทยนั้นนโยบายนี้จะสามารถเดินหน้าต่อได้หรือไม่
2. นโยบายแลนด์บริดจ์ ถือเป็นนโยบายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โครงการสำคัญที่พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นฮับการขนส่งทางเรือที่สำคัญของภูมิภาค รวมทั้งจะมีการลงทุนที่เกี่ยวข้องมากกว่า 1 ล้านล้านบาท
โดยโครงการนี้ความคืบหน้าล่าสุดนั้นอยู่ระหว่างที่กระทรวงคมนาคมได้มีการรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายนี้แล้ว และเตรียมที่จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อนำเข้าสู่สภาฯตามขั้นตอนโดยมีไทม์ไลน์การขับเคลื่อนกฎหมายให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนจะเริ่มเปิดประมูลโครงการในปี 2569
โดยขั้นตอนของการผลักดัน พ.ร.บ.SEC ถือว่ามีความสำคัญเพราะจะเป็นกฎหมายหลักที่กำหนดนโยบาย และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้อย่างครอบคลุม 14 จังหวัด รวมทั้งการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่อย่างแลนด์บริดจ์ ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการนี้จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ได้หรือไม่ต้องจับตาหลังจากนี้ อย่างไรก็ตามโครงการแลนด์บริดจ์นั้นถือเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทั้งจากพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จึงมีโอกาสสูงที่โครงการนี้จะสามารถเดินหน้าต่อเนื่องได้ไม่ว่าการเมืองจะพลิกขั้วหรือไม่ก็ตาม
3. นโยบายหวยเกษียณ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าเพื่อสร้างหลักประกันในการออมให้กับประชาชน โดยนโยบายนี้ใช้การปรับแก้กฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ... โดยล่าสุดสถานะของกฎหมายได้ผ่านวาระที่ 1 ในชั้นการพิจารณาของวุฒิสภา และมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณา 21 คน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 โดยมีไทม์ไลน์ในการจะเริ่มจำหน่ายภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สถานะของกฎหมายฉบับนี้ที่จ่อที่จะผ่านชั้นการพิจารณาของสภาฯ รวมทั้งที่ผ่านมาการลงคะแนนเสียงในสภาฯ ของ สส.และสว.มีการสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้อย่างท่วมท้น น่าจะทำให้นโยบายนี้สามารถเดินหน้าต่อได้ แม้จะมีการพลิกเปลี่ยนขั้วการเมืองในฟากฝั่งรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม
4. พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ... โดยกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายฉบับสำคัญที่กระทรวงการคลังภายใต้การบริหารงานของพรรคเพื่อไทยผลักดันเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) โดยจะมีการตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (One Stop Authority: OSA) เป็นหน่วยงานเบ็ดเสร็จ ครบวงจร และโปร่งใส ในการพิจารณาใบอนุญาต กำกับดูแล และส่งเสริมธุรกิจทางการเงินที่ให้บริการแก่ชาวต่างชาติเท่านั้น โดยจะให้บริการครอบคลุมธุรกิจการเงิน 8 ประเภท เช่น ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการทางการเงิน
ปัจจุบันสถานะทางกฎหมายของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ครม.ได้มีการเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ค.68 ที่ผ่านมาหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายแล้วเสร็จ โดยร่างกฎหมายได้ถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อผ่านกระบวนการนิติบัญญัติก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป
และ 5. พ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ...ที่ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่จะนำไปสู่การจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) ที่จะเป็นกลไกสำคัญทำให้ประชาชน และ SMEs เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดย NaCGA จะทำหน้าที่ประเมิน และค้ำประกันเครดิตให้แก่ผู้ขอสินเชื่อโดยตรง แทนการพึ่งพาหลักทรัพย์หรือเครดิตบูโรแบบเดิม
โดยสถานะของกฎหมายฉบับนี้ปัจจุบันผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2568 ปัจจุบัน “ร่าง พ.ร.บ. NaCGA” ได้ถูกส่งต่อไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไป จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป โดยกระทรวงการคลังได้กำหนดให้เรื่องนี้มีความเร่งด่วน โดยต้องจับตาดูว่าในที่สุดแล้วกฎหมายฉบับนี้จะสามารถผลักดันออกมาให้มีผลบังคับใช้ได้หรือไม่
นอกจากนั้นยังมีร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทางเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม.แต่ยังไม่ได้บรรจุเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาบางฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. ... ที่เสนอโดยกระทรวงพลังงาน ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะและมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ เป็นต้น
ที่สำคัญยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีกับสหรัฐโดยเฉพาะเรื่องของการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐที่เป็นเรื่องของพิกัดภาษีศุลกากรอีกนับหมื่นรายการ ที่จะต้องผ่านความเห็นชอบทั้งจาก ครม.และรัฐสภา ซึ่งเป็นวาระสำคัญของคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่กำหนดในการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยพรรคประชาชนที่ให้มีการยุบสภาฯ ใน 4 เดือนหลังจากวันที่นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาฯ จะถือเป็นเงื่อนเวลาที่เป็นข้อกำหนดสำหรับการพิจารณาร่างกฎหมายของรัฐสภาด้วย หากไม่สามารถพิจารณาได้ทันแล้วมีการยุบสภาฯ ก่อนกฎหมายที่ค้างอยู่ในสภาฯ ต้องเป็นอันตกไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







