นักวิชาการอิสระ คาด เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเหลือ 1.2-1.8% ต่ำสุดรอบ 5 ปี หลัง”อิ๊ง”หลุดนายกฯ

นักวิชาการอิสระ  คาด เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเหลือ 1.2-1.8% ต่ำสุดรอบ 5 ปี หลัง”อิ๊ง”หลุดนายกฯ

“อัทธ์  พิศาลวานิช  ” ประเมินเศรษฐกิจไทยหลัง”อิ๊ง”หลุดนายกฯ ไทยกำลังอยู่ในสุูญญากาศทางการเมืองและนโยบาย เปิด 3 ฉากทัศน์ เศรษฐกิจไทย  คาดปีนี้จีดีพีไทยปรับตัวลดลงเหลือ 1.2-1.8% ซึ่งต่ำสุดในรอบ  5 ปี  

นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยว่า ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ ปี 2025  จากกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและส่งผลให้ครม.หลุดจากคลิปเสียงฮุนเซน ทำให้มีข้อจำกัดในการบริหารประเทศ และการผลักดันนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่เหลืออยู่อีก 4 เดือนหลังจากนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงเหลือ 1.2-1.8% ซึ่งต่ำสุดในรอบ  5 ปีนับจากปี 2020 เป็นต้นมา  

หลังจากนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ 4 ประเด็นสำคัญคือ

1.ซ้ำเติมการบริโภค โดยตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และ 2 ปี 2025 การบริโภคโดยรวมของไทยชะลอตัวอยู่แล้ว สถานการณ์การเมืองที่มีรัฐบาลรักษาการ ยิ่งทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นจากรายได้ที่ลดลง และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น

2.ลงทุนเอกชนรอนโยบายเศรษฐกิจ เพราะ การมีรัฐบาลรักษาการไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย เพราะไม่สามารถทำโครงการเศรษฐกิจใหม่ หรือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ได้ แม้ว่าอัตราการขยายตัวการลงทุนเอกชนใน Q2/2025 จะเพิ่มขึ้นจาก Q1/2025 ก็ตาม ประเมินอัตราการขยายตัวชะลอลงใน Q4 เป็นไป จากการขาดความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

3.นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังต้องลุ้น โดย ปี 2024 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 35 ล้านคน ปี 2025 ณ เดือนสิงหาคม นักท่องเที่ยวสะสม 21 ล้านคน ขาดอีก 14 ล้านคน กับเวลาที่เหลืออีก 4 เดือน หากต้องการ 35 ล้านคนเท่ากับปี 2024 “น่าจะเป็นโจทย์ยาก ภายใต้รัฐบาลรักษาการ” 

4.ภาษีทรัมป์ Q4/2025 กระทบ “ของแท้” ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ไทยทั้งส่งออกที่ต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 19% และการนำเข้าเปิดสินค้าสหรัฐฯ เข้าไทย 0% กระทบการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ในQ4/2025

นายอัทธ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทย ขึ้นกับการได้รัฐบาลใหม่เร็วแค่ไหน เร็วมากจะเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจไทยมากเท่านั้น เพราะสามารถทำนโยบายหรือโครงการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้

โดยประเมินเป็น 3 ฉากทัศน์ เศรษฐกิจไทย คือ

1.ฉากทัศน์ หากรัฐบาลรักษาการ 1 เดือน จีดีพีโต 1.8 % จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว 

2.ฉากทัศน์   หากรัฐบาลอยู่ 3-4 เดือน จีดีพีโต 1.5 % จากงบประมาณรายจ่ายล่าช้า นักลงทุนรอดู

3.ฉากทัศน์ รัฐบาล อยู่มากกว่า 5 เดือน จีดีพีขยายตัว 1.2 % จากสุญญากาศทางนโยบาย

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และพรรครัฐบาลไทยหลังจากนี้ มี 3 สูตร ซึ่งแต่ละสูตรยังไม่ได้ส่งบวกต่อเศรษฐกิจไทย แต่ละสูตรมีข้อจำกัดทั้งสิ้น

หากเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ  เป็นนายกฯพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เศรษฐกิจขาดความเชื่อมั่น

กรณีนายอนุทิน ชาญวีรีกูล เป็นนายก มีพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ก็จะเน้นแต่แก้รัฐธรรมนูญไม่เน้นเศรษฐกิจ

แต่หากเป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  พรรคร่วมเดิม แต่จะขาดความเชื่อมั่นเหมือนกรณีแรก

"ขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในสูญญากาศทางการเมืองและนโยบาย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย ฉากทัศน์ที่โอกาสความเป็นไปได้ต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ใน ฉากทัศน์  มีอัตราการขยายตัวที่ 1.5% "นายอัทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ควรเร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพราะรัฐบาลรักษาการมีอำนาจการบริหารประเทศจำกัด เร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย จากภาษีทรัมป์ เป็นเรื่องเร่งด่วนและพิจารณานโยบายลดดอกเบี้ยมีความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน