งานประจำกำลังหายไป? สะท้อนเศรษฐกิจไทยเปราะบาง

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความผันผวน ภูมิทัศน์ของตลาดแรงงานไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความยืดหยุ่นแต่แฝงไว้ด้วยความเปราะบาง ข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจนถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของภาคธุรกิจ
โดยจำนวนการจ้างงานแบบไม่มั่นคง เช่น พนักงานสัญญาจ้าง พาร์ตไทม์ และชั่วคราว ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขที่สะท้อนจากสถิตินี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นภาพสะท้อนถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความคล่องตัวในสภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตช้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงในชีวิตของแรงงานจำนวนมหาศาล
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจ้างงานนี้มาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่บีบบังคับให้องค์กรต้องหาทางลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีที่พลิกโฉมวิธีการทำงานให้สามารถทำได้จากทุกที่ทุกเวลา นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจที่เน้นการจ้างงานอิสระ หรือ Gig Economy รวมทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรผ่านโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดสำหรับพนักงานที่อายุ 45 ปีขึ้นไป และรับแรงงานรุ่นใหม่ที่มีค่าจ้างและต้นทุนที่ต่ำกว่า เข้าไปทดแทน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายุคของการทำงานแบบ “ตลอดชีวิต” ในองค์กรเดียวอาจกำลังจะสิ้นสุดลง
การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบความมั่นคงในชีวิตแรงงานไทยขาดความมั่นคงในอาชีพความไม่แน่นอนของรายได้ความไม่ครอบคลุมของสิทธิประโยชน์ทางกฎหมาย และกำลังกลายเป็นความเสี่ยงหลักที่แรงงานต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มแรงงานวัยกลางคนที่ถูกออกจากระบบก่อนกำหนด พวกเขาต้องเผชิญกับคำถามสำคัญที่ว่าเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจะเพียงพอต่อการยังชีพไปจนถึงวัย 70-80 ปีได้หรือไม่ การไม่มีหลักประกันที่มั่นคงในระยะยาว ทำให้แรงงานกลุ่มนี้จำเป็นต้องเร่งปรับตัวและมองหาช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายได้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
เพื่อให้อยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่การจ้างงานแบบมั่นคงกำลังจะสิ้นสุดลงแรงงานทุกคนจึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มพูนทักษะเดิม (Upskilling) และการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskilling) โดยเฉพาะด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่คือหัวใจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับตนเองและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ การสร้างรายได้หลายทาง และการมองหาโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงินในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ
จริงๆ แล้วการจ้างงานรูปแบบใหม่นี้จึงเป็นกระจกสะท้อนสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เปราะบางและเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการคุ้มครองแรงงานที่อยู่ในรูปแบบการจ้างงานใหม่นี้ และสนับสนุนการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ตลาดภาคธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการลงทุนในบุคลากรและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้ประเทศไทยเปลี่ยนวิกฤตความไม่มั่นคงนี้ให้กลายเป็นโอกาสในการสร้างอนาคตการทำงานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับทุกคนได้อย่างแท้จริง







