ปิโตรเคมีไทย รับมือวิกฤติซัพพลายล้นตลาด กลุ่ม ปตท. เร่งลดต้นทุน-สร้างมูลค่าเพิ่ม

กลุ่ม ปตท. ชี้อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เผชิญ "Perfect Meltdown" หลังสงครามการค้า-ซัพพลายโลกถาโถม ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว เน้นลดต้นทุน-สร้างมูลค่าเพิ่มสู่ตลาดโลก เพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
PRISM Petrochemical Market Outlook ของ กลุ่ม ปตท. จัดสัมมนา The 16th PTT Group Petrochemical Outlook Forum ภายใต้แนวคิด "The Survival of the Petrochemical Industry Amid Economic Changes and Sustainability Shifts" ซึ่งปีนี้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16
เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย แนวโน้ม ปิโตรเคมี และแนวทางการดำเนิน ธุรกิจปิโตรเคมี ในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการหันมาใส่ใจในเรื่องของ Sustainability ทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้องปรับตัวเพื่อหาแนวทางในการอยู่รอด และสามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ตลาดปิโตรเคมี คลื่นซัพพลายที่ถาโถม
สำหรับตลาดปิโตรเคมี โดยเฉพาะกลุ่มโอเลฟินส์และโพลีโอเลฟินส์กำลังเข้าสู่ช่วงขาลง (Down Cycle) อย่างชัดเจน
ลักษมณ ดีวงกิจ Analyst บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) และชุติภา เรืองศรีมั่น นักวิเคราะห์การพาณิชย์ จาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) ต่างยืนยันถึงสถานการณ์ที่อุปทานล้นตลาดอย่างรุนแรง ซึ่งมีสาเหตุหลักจาก
- กำลังการผลิตใหม่ที่ล้นหลาม ผู้ผลิตรายใหญ่ในสหรัฐตะวันออกกลาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน ซึ่งมีนโยบายพึ่งพาตนเอง ได้เร่งสร้างโรงงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
- อุปสงค์ที่ชะลอตัว เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลงหลังโควิด-19 รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด ทำให้ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกใหม่ลดลง
แม้คาดการณ์ว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวหลังปี 2028 แต่ในระยะสั้น ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อรับมือกับต้นทุนการผลิตที่สูงและการแข่งขันที่ดุเดือด โดยแนวทางสำคัญคือ การลดต้นทุน ด้วยการใช้เชื้อเพลิงราคาถูกอย่างอีเทน, การปรับโครงสร้างธุรกิจ เช่น การควบรวมกิจการ และการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ผสานความร่วมมือเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
เดชาธร ฐิสิฐสกร Senior Marketing Officer จากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) สรุปสถานการณ์ได้อย่างน่าสนใจว่า อุตสาหกรรม ปิโตรเคมี โลกกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ยกระดับจากระดับภูมิภาคสู่ระดับโลก การที่ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ ตะวันออกกลาง และจีน ต่างมุ่งขยายตลาดมายังเอเชีย ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มีทั้งต้นทุนต่ำและกำลังการผลิตที่มหาศาล
ดังนั้น เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ แนวทางการปรับตัวที่สำคัญคือ 1.) การสร้างมูลค่าเพิ่ม (High Value Added) เน้นการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูงและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทาง 2.) การบริหารจัดการวัตถุดิบ (Feedstock) มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน และ 3.) ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน (Operational Excellence) ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
"ในภาพรวม อุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยต่อไป และการปรับตัวอย่างชาญฉลาดในด้านต้นทุน นวัตกรรม และความยั่งยืน จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมนี้สามารถก้าวผ่านพายุเศรษฐกิจและยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในอนาคตอันใกล้"







