'รถไฟฟ้า 20 บาท' ไร้ทางออก ? ต้องรอกฎหมาย - เจรจาแก้สัญญาสัมปทาน

'รถไฟฟ้า 20 บาท' ไร้ทางออก ? ต้องรอกฎหมาย - เจรจาแก้สัญญาสัมปทาน

“สุริยะ” เจรจา BEM – BTS แก้สัญญารถไฟฟ้า หวังเดินหน้านโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาท” อย่างรอบคอบ กำหนดเงื่อนไขส่วนแบ่งรายได้จากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 25% คาดเสนออัยการตรวจสัญญา และชงเข้า ครม.ในต้นเดือนพ.ย.นี้ ทันใช้นโยบาย 15 พ.ย.2568 ยืนยันสายสีแดง - ม่วง ยังใช้ราคา 20 บาทตามปกติ

KEY

POINTS

  • "รถไฟฟ้า 20 บาท" ไร้ทางออก "สุริยะ" ยันต้องรอกฎหมายผ่านสภาฯ อยู่ระหว่างพิจารณาอีก 2 ฉบับ ขยับไทม์ไลน์ใช้ 15 พ.ย.2568 ขณะที่สายสีแดง - ม่วง ยังใช้ราคา 20 บาทตามปกติ 
  • เดินหน้าเจรจา BEM – BTS แก้สัญญารถไฟฟ้า กำหนดเงื่อนไขส่วนแบ่งรายได้จากผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 25% คาดเสนออัยการตรวจสัญญา และชงเข้า ครม.ในต้นเดือนพ.ย.นี้

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท โดยระบุว่า นโยบายดังกล่าวจำเป็นต้องขับเคลื่อนด้วยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 3 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พ.ร.บ.กรมการขนส่งทางราง ซึ่งปัจจุบันผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร รอเข้าสู่การพิจารณาจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.)

ส่วนร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ซึ่งจะครอบคลุมประเด็นการจ่ายชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารรถไฟฟ้ากับเอกชนนั้น ขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.สส.) ครบทุกมาตราแล้ว และผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของ สว. ต่อไป

“ตอนนี้ รถไฟฟ้า 20 บาท ก็ต้องรอการพิจารณาเรื่องกฎหมาย และเพื่อให้เกิดความรอบคอบ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการควบคู่กันไป กับการพิจารณาแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชน เพื่อกำหนดเงื่อนไขของการแบ่งส่วนแบ่งรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากการทำนโยบาย 20 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้กำหนดให้เอกชนบริจาคเข้ากองทุนตั๋วร่วม หลังจากนี้จะแก้ไขสัญญาร่วมทุน เพื่อกำหนดให้เอกชนต้องแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในสัดส่วน 25% เข้ากองทุนตั๋วร่วม”

กรอบเวลาในการดำเนินการแก้ไขสัญญา ได้มีการวางไทม์ไลน์ไว้อย่างชัดเจน ดังนี้

วันที่ 31 ส.ค.2568 รฟม. สรุปประเด็นที่จะแก้ไขสัญญาให้กระทรวงฯ ทราบ

วันที่ 9 ก.ย.2568 รฟม. จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อพิจารณาแก้ไขสัญญา

วันที่ 16 ก.ย.2568 นำเข้าคณะกรรมการกำกับดูแลสัญญา

สิ้นเดือนต.ค.2568 ส่งสัญญาให้อัยการตรวจสอบ ตามกระบวนการใช้เวลา 45 วัน และจะขอหารือกับอัยการให้พิจารณาโดยเร็ว

ต้นเดือนพ.ย.นี้ เสนอเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชน (PPP) และคณะรัฐมนตรี (ครม.)

อย่างไรก็ดี กระบวนการทั้งหมดจะดำเนินการควบคู่กันไประหว่างรอการพิจารณาด้านกฎหมาย และการเจรจากับเอกชนเพื่อแก้ไขสัญญา ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงฯ โดย รฟม. ได้หารือร่วมกับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) เพื่อแก้ไขสัญญาในการกำหนดเพิ่มส่วนแบ่งรายได้แล้ว โดยทาง BEM ไม่มีปัญหาติดขัด เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับดำเนินการเพื่อเจรจากับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งจะพิจารณาแก้ไขสัญญาด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังแก้ไขสัญญาร่วมทุนแล้ว จะส่งผลให้เอกชนต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับภาครัฐเพิ่มขึ้น เช่น รถไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การกำกับสัญญาของ รฟม.เดิมสัญญากำหนดต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ 15% เข้ากองทุน รฟม. หลังจากนี้จะต้องแบ่งจ่ายเพิ่มเติมอีก 25% ในส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบาย 20 บาท ขณะที่ BTS เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เดิมไม่ได้แบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ หลังจากนี้จะต้องแบ่งจ่าย 25% ของรายได้ที่เกิดขึ้นจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ปัญหาคือ ตอนนี้ ไม่สามารถนำงบกลางมาจ่ายชดเชยรายได้ให้กับเอกชนได้ เพราะจากการหารือร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ระบุว่าไม่สามารถเสนอของบกลางได้ เนื่องจากไม่ใช่เหตุเร่งด่วน รวมถึงหากจะเริ่มใช้มาตรการไปก่อน แล้วเมื่อ พ.ร.บ. ผ่านการพิจารณา และมีผลบังคับใช้ จึงจะนำมาเงินจากกองทุนตั๋วร่วมมาชำระย้อนหลังนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา แจ้งยืนยันว่า ไม่สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากไม่สามารถนำเงินไปจ่ายชดเชยย้อนหลังได้

ดังนั้น ขณะนี้ยอมรับว่า “ไม่มีแนวทางอื่น” เพื่อที่จะดำเนินการผลักดันรถไฟฟ้า 20 บาทให้ดำเนินการก่อนได้ จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประกาศใช้นโยบายออกไป ซึ่งกระทรวงฯ ยังคงมั่นใจว่าจะดำเนินการได้อย่างเร็ว คือ 15 พ.ย.68 นี้ โดยระหว่างนี้เพื่อให้นโยบายจัดทำอย่างรอบคอบถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย นอกจากรอการพิจารณา พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับแล้ว กระทรวงฯ จึงหารือกับเอกชนผู้รับสัมปทานเพื่อขอแก้ไขสัญญากำหนดการจ่ายส่วนแบ่งรายได้เข้ากองทุนตั๋วร่วม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผิดพลาดในอนาคต

ส่วนกรณีของ รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - คลองบางไผ่ และโครงการ รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ก่อนหน้านี้ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี โดยจากผลการดำเนินนโยบาย พบว่าได้ผลตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าในอนาคตปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงฯ ยืนยันว่ารถไฟฟ้าทั้ง 2 สายข้างต้น จะยังคงกำหนดค่าโดยสารตามนโยบาย 20 บาทตลอดสายต่อไปจนถึง 30 ก.ย.2569 เนื่องจากก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีมติขยายให้กำหนดอัตราค่าโดยสารดังกล่าวแล้ว

สำหรับภาพรวม การลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท วันนี้ (26 ส.ค.2568 ) ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ได้มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมโครงการผ่านแอป “ทางรัฐ” แล้ว 258,351 คน แบ่งเป็น Rabbit 146,546 คน และ EMV 111,805 คน หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 25 ส.ค.2568 เวลา 00.01 น. นอกจากนี้ยังมั่นใจว่าจำนวนผู้ลงทะเบียนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุดในทุกด้าน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์