ภาวะสังคมไทย ‘วิกฤติ’ สัญญาณร้ายซ้ำเติมประเทศ

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2568 พบข้อมูลที่น่าตกใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังต้องเฝ้าระวัง แหล่งเงินกู้นอกระบบที่เข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ความนิยมของการใช้บริการแบบ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ตัวกระตุ้นให้ผู้บริโภคก่อหนี้เกินตัว
และอีกเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย คือ เรื่องการจ้างงาน หลังพบว่า โมเดลจ้าง ‘แรงงานประจำเต็มเวลา’ ได้เปลี่ยนไปและกำลังถูกแทนที่ด้วย ‘แรงงานสัญญาจ้าง’ และ ‘พาร์ตไทม์’ ที่พุ่งสูงผิดปกติในเวลาเพียงสองปี เป็นสัญญาณการเปลี่ยนทิศตลาดแรงงานไทยที่กำลังดึงประเทศเข้าสู่ยุค “งานประจำไม่มั่นคง” และส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ
ต้นตอสำคัญ คือ ความโกลาหล ความปั่นป่วนของการค้าโลก โดยเฉพาะภาษีศุลกากรสหรัฐที่ซัดตรงใส่การส่งออกไทย เมื่อรายได้หด ชั่วโมงงานก็ลด การจ้างงานถาวร ถูกแทนที่ด้วยสัญญาชั่วคราวที่เปราะบาง รัฐบาลไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะ “รับแรงกระแทก” มากกว่าการ “เตรียมตั้งรับ” สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย การลดต้นทุนของธุรกิจผ่านการจ้างงานแบบสัญญา อาจช่วยพยุงบริษัทในช่วงสั้น แต่ผลข้างเคียง คือ แรงงานจำนวนมากกำลังสูญเสียหลักประกันชีวิต รายได้ไม่มั่นคง สิทธิแรงงานถูกบั่นทอน และความเชื่อมั่นผู้บริโภคย่อมลดลงตามไปด้วย
เมื่อคนไทยไม่กล้าใช้จ่ายเพราะหวั่นตกงาน ผลกระทบจะย้อนกลับไปบีบเศรษฐกิจทั้งระบบให้หดตัว ปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวยิ่งตอกย้ำความเสี่ยงหนักเข้าไปอีก เมื่อแรงงานกัมพูชาถูกดึงกลับไป แรงงานต่างด้าวหลายแสนคนไม่ต่อใบอนุญาต ส่งผลให้ภาคก่อสร้าง ผลิต และเกษตรสั่นคลอน แม้รัฐบาลพยายามจะเปิดประตูรับแรงงานจากชาติอื่น ไม่ว่าจะเป็น แรงงานจากศรีลังกา เนปาล ฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงการอุดรอยรั่ว ไม่ใช่การแก้ปัญหาโครงสร้างแรงงานที่ไทยเผชิญมาช้านาน
แม้ตัวเลขจ้างงานโดยรวมและอัตราว่างงานในไทยจะไม่แย่นัก แต่เราไม่ควรย่ามใจ เพราะข้อเท็จจริง คือ ตัวเลขผู้ว่างงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสัดส่วนงานประจำมั่นคงกลับหดตัวลงอย่างน่าตกใจ จึงไม่อาจกลบความจริงที่ว่า ‘แรงงานไทย’ กำลังเผชิญความเปราะบางรอบด้านอย่างที่เราคิดไม่ถึง นี่คือหนึ่งใน ‘สัญญาณร้าย’ กำลังส่งเสียงเตือนถึงรัฐบาลและภาคธุรกิจว่า แค่รักษาตัวเลขการจ้างงานไม่เพียงพอ หากสิ่งที่ไทยต้องเร่งสร้าง คือ “คุณภาพงาน” ที่มั่นคงและเป็นธรรม ยกระดับแรงงานด้วย ‘ทักษะ’ ใหม่สอดรับกับโลกที่เปลี่ยน และปรับกฎหมายแรงงานให้สอดคล้องกับยุคจ้างงานใหม่ หากแรงงานยังไร้เสถียรภาพ ความมั่นใจทางเศรษฐกิจย่อมไม่เกิด ประเทศไทยจะเดินหน้าต่อท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้านที่กำลังบีบรัดประเทศอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร..







