‘อีสต์วอเตอร์’ออกพันธบัตรสีน้ำเงินของ ‘ไอเอฟซี’ทุ่ม620ล้านหนุนแหล่งน้ำแห่งอีอีซี

‘อีสต์วอเตอร์’ออกพันธบัตรสีน้ำเงินของ  ‘ไอเอฟซี’ทุ่ม620ล้านหนุนแหล่งน้ำแห่งอีอีซี

โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี คือโปรเจกต์เรือธงของไทยที่จะยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศให้แข็งแกร่งสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้น

แต่เป้าหมายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จหรือไม่ส่วนหนึ่งต้องอาศัยทรัพยากรที่สำคัญอย่าง“น้ำ”ที่เพียงพอและมีคุณภาพด้วย 

บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ หรือ IFC (International Finance Corporation) ประกาศการลงทุนด้านการเงินสีน้ำเงินครั้งแรกสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond) ครั้งแรกของ

อีสต์วอเตอร์ ซึ่งการลงทุนนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีแหล่งน้ำที่มั่นคงสำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทย และช่วยพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั่วทั้งภูมิภาค

การลงทุนครั้งใหม่นี้จะช่วยสร้างความมั่นคงในการเข้าถึงแหล่งน้ำประปาในเขตEEC ของประเทศไทย และช่วยพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยรวมของประเทศ 

โดยIFC ได้ลงทุนในพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond) ที่ออกโดยอีสต์วอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาและบริหารจัดการท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ในประเทศ และเป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่จัดหาน้ำในภูมิภาค EEC 

ดังนั้นพันธบัตรสีน้ำเงินนี้ถือเป็นพันธบัตรสีน้ำเงินฉบับแรกของ East Water และการลงทุนทางการเงินสีน้ำเงินครั้งแรกของ IFC ในภาคโครงสร้างพื้นฐานแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

IFC ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มธนาคารโลกและสถาบันเพื่อการพัฒนาระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่มุ่งเน้นภาคเอกชนในตลาดเกิดใหม่ พร้อมด้วยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ จากประเทศไทย ได้จองซื้อพันธบัตรมูลค่า 620 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมาสำหรับรายได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้สนับสนุนอีสท์ วอเตอร์ เพื่อปลดล็อกกระแสเงินสด และลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาคุณภาพของโครงข่ายส่งน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทยและเชื่อมโยงกันมากที่สุดในภูมิภาคEEC ซึ่งมีความยาว 553 กิโลเมตร เชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ และอ่างเก็บน้ำเอกชนหลายแห่งที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ

 เจน หยวน ซู ผู้จัดการ IFC ประจำประเทศไทย กล่าวว่า น้ำไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย การลงทุนของ IFC จะช่วยให้น้ำไหลเข้าสู่ EEC ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและธุรกิจชั้นนำอย่างต่อเนื่อง โดยจัดหาน้ำดิบ น้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรมให้กับธุรกิจและครัวเรือนทั่วภูมิภาค และสนับสนุนการดำรงชีวิต การเติบโต และการสร้างงาน 

ปัจจุบัน EEC มีนิคมอุตสาหกรรม 27 แห่ง ซึ่งเป็นเขตส่งเสริม EEC และเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาล มุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2579 โดยคาดหวังว่าจะรองรับอุตสาหกรรมการเติบโตที่สำคัญทั้งหมดในภาคอุตสาหกรรมและดิจิทัล และสร้างงาน 200,000 ตำแหน่ง และเพิ่มจำนวนประชากร 350,000 คน ภายในปี 2575

 บดินทร์ อุดล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า  ในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมสำคัญระดับภูมิภาค EEC ยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญของคนไทยจำนวนมาก การออกพันธบัตรสีน้ำเงินครั้งแรกของอีสท์ วอเตอร์ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบริษัทของเราในการพัฒนาคุณภาพและปริมาณน้ำ และท้ายที่สุดแล้วจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำในประเทศ 

"อีสท์ วอเตอร์ รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งอย่างยิ่งที่ IFC ให้ความสำคัญกับเราในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำในภูมิภาค”

นับตั้งแต่การจัดทำแนวทางปฏิบัติด้านการเงินสีน้ำเงินในปี พ.ศ. 2565 IFC ได้ให้การสนับสนุนเศรษฐกิจสีน้ำเงินอย่างแข็งขัน และช่วยผลักดันการลงทุนในกิจกรรมการอนุรักษ์มหาสมุทรและการจัดการน้ำทั่วโลกมากขึ้น การสนับสนุนอีสท์ วอเตอร์ ในการออกพันธบัตรสีน้ำเงินครั้งแรกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นและกลยุทธ์ของ IFC ในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีน้ำเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับอีสท์ วอเตอร์ ยังเป็นสมาชิกของเครือข่าย Utilities for Climate (U4C) ของ IFC ซึ่งสนับสนุนบริษัทสาธารณูปโภคด้านน้ำชั้นนำในตลาดเกิดใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศและโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเชิงพาณิชย์ที่พร้อมรองรับอนาคต

 แคทเธอรีน โกห์ ผู้จัดการฝ่ายอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรธรรมชาติประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของ IFC

กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้สนับสนุนอีสท์ วอเตอร์ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลกของเราในภาคส่วนน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน สภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืน โครงการนี้เป็นส่วนสำคัญของโครงการริเริ่มอย่างต่อเนื่องของกลุ่มธนาคารโลก เพื่อปรับปรุงความสามารถในการฟื้นตัวของน้ำของประเทศไทยในทุกระดับทั่วประเทศ 

กลุ่มธนาคารโลกยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับกระทรวงการคลังและคณะทำงานระหว่างกระทรวง ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำ

ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกลุ่มธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในเดือนต.ค. 2569 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความท้าทายเร่งด่วนด้านการพัฒนาระดับโลก และเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเศรษฐกิจสีน้ำเงินและการสร้างมูลค่าสีน้ำเงินอย่างยั่งยืน