พิชัย ชวน ซีอีโอลงทุนเพิ่มในไทย ชูอุตฯ ไฮเทค PCB - เซมิคอนดักเตอร์

"พิชัย" ชักชวน กลุ่ม CEOs ลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมไฮเทคสมัยใหม่, PCB, เซมิคอนดักเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์, Data Center, Ai, Ai Hardware, EV พร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาในงาน CEO Networking night ตามคำเชิญของ Thailand Electronics Circuit Association (THECA)ว่า ตนได้ให้ความสนใจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ Printed Circuit Boards และ Semiconductors มาหลายปีแล้ว และได้มีโอกาสพบผู้ประกอบการจากต่างประเทศและในประเทศเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งชักชวน และสนับสนุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นเป็นโอกาสที่ไทยจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการส่งออก ซึ่งปัจจุบันการลงทุนผลิต PCB ในประเทศไทย ได้ขยายตัวอย่างมาก จนติดอันดับของโลก จนมี CEO ของบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ มารวมกันในงานนี้
และทำให้มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องทางด้าน Hi-Tech ตามมา สร้าง Ecosystem ของอุตสาหกรรมใหม่ของไทยได้อย่างมาก ซึ่งประเทศไทยจะต้องดึงดูดการลงทุนในด้านนี้อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป ตนจึงได้ชักชวนให้ กลุ่ม CEOs เข้ามาลงทุนเพิ่ม โดยพร้อมให้การสนับสนุนในทุกด้านเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายพิชัย ยังกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ 2.8% ทำให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกโตได้ 3% ไม่ได้แย่อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ซึ่งตนได้ย้ำเสมอตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะไม่แย่ โดยจะขยายตัวได้มากกว่า 2% แน่นอน และการที่ประเทศไทย สามารถเจรจาภาษีทรัมป์ได้สำเร็จโดยได้อัตราที่ 19% เทียบเท่าประเทศคู่แข่งอื่นๆในภูมิภาคนี้ ตามที่ตนเคยบอกย้ำไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเจรจาได้แน่ จะช่วยทำให้การค้าการลงทุนของไทยยังคงไปได้ดี โดยตนยังมั่นใจว่าการส่งออกยังคงจะเป็นพระเอกของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ และการส่งออกจะยังคงเป็นบวกต่อเนื่องไปได้ หลังจากครึ่งปีแรกของปี 68 การส่งออกขยายตัวได้แล้วถึง 15%
โดยการส่งออกเดือนกรกฎาคม ก็ยังขยายตัวต่อไปได้ดี และการขอส่งเสริมการลงทุนครึ่งปีแรกพุ่งถึง 1.05 ล้านล้านบาท หลังจากปี 2567 มีการขอส่งเสริมการลงทุน 1.14 ล้านล้านบาท และลงทุนจริงเกือบทั้งหมด ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยยังดำเนินไปได้ดี และหากการส่งออก และการลงทุนยังคงขยายตัวได้ในระดับนี้ ไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัว และประทศไทยจะสามารถกลับมาแข่งขันได้อย่างแน่นอน
การส่งออกของไทยที่ขยายตัวมากขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการส่งออกของสินค้าจากอุตสาหกรรมไฮเทคที่เข้ามาลงทุนกันมากตามตัวเลขของการลงทุน โดยที่หลายโรงงานเริ่มเสร็จ และทยอยส่งออกกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ การเจรจาภาษีทรัมป์ที่สำเร็จนี้ต้องยกเครดิตส่วนสำคัญให้กับทีมกระทรวงพาณิชย์ด้วยที่มี นายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ุ ปลัดกระทรวง นางโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้า และ นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด ที่ทำงานกันอย่างหนัก และลงรายละเอียดในการเจรจากันมาตั้งแต่ที่ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ได้มีคำสั่งแต่งตั้งทีมทำงานนี้เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องเร่งหาทางเยียวยาประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากการเจรจานี้ที่ทำให้ภาพใหญ่ของประเทศยังดำเนินต่อไปได้
แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มักจะพูดกันถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศนั้น ประเทศไทยจะต้องทำหลายด้านไปพร้อมๆ กัน เช่น การต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆ เหมือนที่มี การผลิต PCB เซมิคอนดักเตอร์ Data Center, Ai, EV, Robotic etc. แล้ว การปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตรก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก และ การมี Food innovation เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร รวมถึงสินค้า GI ที่มีลักษณะพิเศษต่างจากที่อื่น ซึ่งจะเพิ่มราคาได้มากขึ้น
นอกจากนี้การปรับปรุง และพัฒนาการศึกษาของไทยให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งหากไทยจะขยายตัวทางด้าน Hi-Tech ไทยก็ต้องเร่งผลิตวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าวิจัย อีกทั้งคนไทยรุ่นใหม่จะต้องมีความสามารถ และมีความชำนาญในการใช้ Ai ให้เป็นประโยชน์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต
ที่สำคัญคือ การบริหารและพัฒนาระบบการเงิน ค่าเงินบาท และอัตราดอกเบี้ยจะต้องสามารถทำให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ อีกทั้งต้องมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับธุรกิจ SMEs ทั้งนี้ยังต้องปรับเรื่องต่างๆ อีกมาก เช่น การแก้ไขปัญหาหนี้ที่เป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาค่านิยมที่ผิดๆ การแก้ไขอัตราการเกิดที่ต่ำมากจนจำนวนประชากรลดลง สัดส่วนรายได้ของรัฐต่อจีดีพีที่ยังต่ำมาก เป็นต้น เพื่อปรับโครงสร้างให้ประเทศไทยรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเฉพาะที่สำคัญคือ การเมืองไทยจะต้องมีเสถียรภาพ เพราะปัญหาการเมืองตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำความเสียหายให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นกันมาแล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







