'บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ' โอนงบฯ 2.6 หมื่นล้าน เข้างบฯกลางปี 68

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจไฟเขียวโอนงบฯที่เหลือ 2.6 หมื่นล้าน เข้ารายการงบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน ให้อำนาจนายกฯอนุมัติโครงการ และใช้งบประมาณ
KEY
POINTS
- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจไฟเขียวโอนงบฯที่เหลือ 2.6 หมื่นล้าน เข้ารายการงบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน
- หลังตั้งโครงการใช้งบประมาณอื่นๆไม่ทัน
- ให้อำนาจนายกฯอนุมัติโครงการ และใช้งบประมาณ โดยต้องผูกพันงบประมาณภายใน 30 ก.ย.68
- พิชัย เปิดช่องให้ใช้ได้ทั้งเรื่องเยียวยาภาษีทรัมป์ และเรื่องของการเยียวยาชายแดน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานวันนี้ (20 สิงหาคม 2568) เห็นชอบการโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ที่เหลืออยู่ 26,000 ล้านบาท ไปเพิ่มในงบงกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป โดยงบประมาณในส่วนนี้การอนุมัติเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี โดยที่สำนักงบประมาณสามารถดำเนินการได้โดยตรง
“ที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติเงินก้อนนี้ไป 2 ครั้ง และมีบางส่วนที่ใช้ไม่หมดก็เอามาคืน ทำให้เหลือวงเงินเหลือ 26,000 ล้านบาท ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณที่จะไปจัดการ โดยจะไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว และคงต้องมาคุยว่าเงินที่โอนไปจะทำอะไร ซึ่งทั้งหมดต้องใช้ภายในเดือนกันยายน 2568 นี้” นายพิชัย ระบุ
ส่วนของเงินที่เหลืออยู่นี้จะนำไปใช้ในเรื่องของการรองรับภาษีสหรัฐฯ หรือชายแดนไทย-กัมพูชา หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามผลักดันการใช้เงินเพื่อไปรองรับวิกฤตภาษีสหรัฐฯ แล้วแต่เนื่องจากการรองรับวิฤตต้องใช้ให้ทันเดือนกันยายน นี้จึงเห็นว่า เงินในส่วนที่เหลือก็ขอให้ไปตรงไหนก็ได้ที่ใช้ได้เร็ว ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป ส่วนของการอนุมัติงบฯไปใช้ในส่วนของการช่วยเหลือชายแดนนั้นถ้าหากทำได้ก็จะช่วยเหลือประชาชนได้ซึ่งเป็นเรื่องดี
สำหรับการพิจารณาโอนงบกลางที่เหลือครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการรายงานข้อเสนอของกระทรวงการคลัง การใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด เนื่องจากยังไม่มีข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลืออยู่เป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณ การจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน
รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจัดจ้างและการก่อหนี้ผูกพัน ที่อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าว ที่เหลืออยู่จะถูกพับไปโดยผลของกฎหมาย
ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าวที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สามารถโอนงบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายฯ โดยเสนอขออนุมัติต่อนายกรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561
ส่วนในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ก็สามารถขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 เพื่อไปดำเนินโครงการได้







