ไทยเปิดช่อง 'แลกคริปโทเป็นบาท' หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มใช้จ่าย 10%

ไทยเปิดช่อง 'แลกคริปโทเป็นบาท' หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มใช้จ่าย 10%

"คลัง" ผนึกหน่วยงานพันธมิตร เปิดโครงการแซนด์บอกซ์ "TouristDigiPay" เพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ แลกคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินบาท หนุนใช้จ่ายเพิ่ม 10% คาดเงินสะพัด 1.75 แสนล้าน

วันที่ 18 ส.ค.2568 ที่กระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศเปิดตัว “โครงการ TouristDigiPay” อย่างเป็นทางการ เปิดมิติใหม่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศได้อย่างสะดวก และปลอดภัย ตั้งเป้ากระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น 10% คาดสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 175,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการ TouristDigiPay เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจะดำเนินการในรูปแบบโครงการทดสอบ (Sandbox) เป็นระยะเวลาเบื้องต้น 18 เดือน โดยจำกัดวงเงินการใช้จ่ายไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน สำหรับร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ KYM และจำกัดไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน สำหรับร้านค้ารายย่อย เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

นายพิชัย กล่าวว่า กลไกสำคัญของโครงการว่า ไม่ใช่การส่งเสริมให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าโดยตรง (Means of Payment) แต่เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซีจะสามารถแปลงเป็นเงินบาทผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. จากนั้นเงินบาทจะถูกโอนเข้าสู่กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่กำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำไปใช้ชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ อาทิ การสแกน QR Code ซึ่ง ร้านค้าจะได้รับชำระเป็น "เงินบาท" ตามปกติ
ไทยเปิดช่อง 'แลกคริปโทเป็นบาท' หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มใช้จ่าย 10%

"เราไม่ได้รับคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงิน แต่เราแค่แลกเป็นบาท ซึ่งทำให้โครงการนี้มีความแตกต่าง และน่าจะเป็นรูปแบบเดียวในโลกที่เริ่มต้นทำในลักษณะนี้ และสามารถเข้าถึงร้านค้าขนาดเล็ก และผู้ค้ารายย่อยได้ทั่วประเทศ"

คาดเงินสะพัด  1.75 แสนล้านบาท

นายพิชัย กล่าวว่า ได้ประเมินผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจว่า หากประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 35 ล้านคนต่อปี โดยแต่ละคนใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000 บาทต่อทริป หากโครงการนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 10% หรือ 5,000 บาทต่อคน จะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้สูงถึง 175,000 ล้านบาท

คุมเข้มความเสี่ยง-ป้องกันการฟอกเงิน

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และป้องกันความเสี่ยง โครงการนี้ได้วางมาตรการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงินอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานของ ปปง. โดยผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมจะต้องมีกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของลูกค้า (Know Your Customer: KYC) และการประเมินความเสี่ยง (Customer Due Diligence: CDD) ตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ วอลเล็ตที่ใช้ในการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องผ่านการตรวจสอบ และคัดกรองเพื่อไม่ให้เป็นวอลเล็ตที่อยู่ในบัญชีดำ (blacklist)

โครงการ TouristDigiPay คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ภายใน ไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบธุรกิจพร้อมให้บริการอย่างน้อย 1-2 รายในช่วงแรก

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการในวันนี้พัฒนามาจากเรื่องภูเก็ตแซนด์บอกซ์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการจำกัดเฉพาะพื้นที่ เป็นสามารถใช้จ่ายได้ทั่วประเทศ โดยมีการจำกัดวงเงินแทน และช่วงเวลาทดลอง18 เดือน

โดยเมื่อครบกำหนดจะมีการประเมินผลเพื่อพิจารณาขยายผลต่อไป ซึ่งหากโครงการดำเนินไปได้ด้วยดี และมีความปลอดภัยเพียงพอ ก็มีแนวโน้มที่จะขยายวงเงินการใช้จ่ายให้สูงขึ้น และอาจต่อยอดไปสู่การอนุญาตให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ซื้อทรัพย์สินมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือเรือยอช์ต 

ไทยเปิดช่อง 'แลกคริปโทเป็นบาท' หนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มใช้จ่าย 10%

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์