‘สภาพัฒน์’เตือนรับผลภาษีทรัมป์ ส่งออกครึ่งปีหลังเสี่ยงกระทบ

สภาพัฒน์ชี้เศรษฐกิจไทยปี 68 ยังเสี่ยงมาตรการภาษีสหรัฐฯ กระทบส่งออกครึ่งปีหลัง แนะเร่งหาตลาดใหม่–เข้มงวดกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ป้องกันสวมสิทธิ์ทำไทยเสียภาษีสูงสุด 40%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงประเด็นข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราภาษีสหรัฐฯที่จะส่งผลต่อประเทศไทยว่าในเรื่องนี้ ปัจจุบันเศรษฐกิจคลี่คลายลงบ้าง แต่ไทยเราก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ อัตราภาษี 19% ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะเรื่องกฎระเบียบด้านการส่งออก เพราะมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนและอาจมีการเพิ่มขึ้นอีก”
ทั้งนี้ สศช. ประเมินว่า ภาษีนำเข้าเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งสหรัฐฯ อาจจัดเก็บเพิ่มขึ้นถึง 25% จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 3 ช่องทางสำคัญ ได้แก่
ผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ที่ความต้องการสินค้าสหรัฐฯ อาจลดลง หลังมีการเร่งนำเข้าไปแล้วในครึ่งปีแรก กลุ่มเสี่ยงได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วนยานยนต์
นอกจากนี้ในส่วนของผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน จากการลดลงของความต้องการสินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ โดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก ที่เกี่ยวโยงกับจีนซึ่งถูกกีดกันทางการค้า
ผลกระทบจากการนำเข้าเร่งตัว โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายลำ (Transshipment) และสินค้าสวมสิทธิ์เพื่อเลี่ยงภาษี ที่อาจเผชิญการจัดเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงถึง 40% รวมทั้งสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยตรง
ทั้งนี้ สศช. เสนอแนวทางลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้า ผ่าน 4 แนวทางหลัก ได้แก่
- ขยายตลาดใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะในสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เครื่องโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้า อุปกรณ์ยานยนต์ และเครื่องปรับอากาศ พร้อมเร่งเจรจา FTA และศึกษาโอกาสจากประเทศคู่ค้าใหม่ที่มีศักยภาพ
- เข้มงวดกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of origin) เร่งปรับปรุงระบบตรวจสอบและการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) และการคำนวณมูลค่าวัตถุดิบในภูมิภาค (RVC) ให้มีความชัดเจนและลดต้นทุนภาคเอกชน
- ป้องกันการทุ่มตลาดและการค้าผิดกฎหมาย โดยเข้มงวดตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้า กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ครอบคลุมสินค้านำเข้า และลงโทษผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าตามแนวชายแดน พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD/CVD/AC)
- บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก







