ปรับภาษีและมาตรการทางค้าตามความตกลงภาษีทรัมป์

เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์แก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยออกคำสั่งฝ่ายบริหารขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศคู่ค้าที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐ
โดยเฉพาะประเทศจีน ครั้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสอง ทรัมป์ก็ใช้คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้าเกือบทั่วโลก เพื่อบีบให้ประเทศเหล่านั้นเข้าไปเจรจาทางการค้าเพื่อประโยชน์ของสหรัฐ
ประเทศไทยก็ไม่พ้นจากการถูกสหรัฐบีบในเรื่องนี้ ทำให้ทางการไทยต้องจัดทีมไปขอเจรจาและเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับสหรัฐ แต่ระหว่างนั้นเกิดการสู้รบทางชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ประธานาธิบดีทรัมป์ถือโอกาสใช้เรื่องการขึ้นภาษีนำเข้า บีบให้ไทยต้องเข้าเจรจายุติการหยุดยิงกับกัมพูชา ในที่สุดทั้งสองประเทศตกลงกันหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.2568 เมื่อมีการตกลงหยุดยิง ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศกำหนดเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 19% ซึ่งเท่ากับกัมพูชา
ในการเจรจากับฝ่ายบริหารของสหรัฐ รัฐบาลไทยไม่เคยเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบโดยละเอียดว่าไทยเสนออะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับสหรัฐบ้าง จึงมีการวิเคราะห์คาดเดาผ่านสื่อมวลชนว่าไทยคงต้องลดหรือยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าจากสหรัฐมากมายหลายรายการ และต้องยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐรายการที่แต่เดิมไม่สามารถนำเข้าได้
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การยกเว้นหรือลดอัตราอากรขาเข้าสินค้าจากสหรัฐตามที่ทีมไทยไปเจรจาตกลงกันไว้ สามารถกระทำได้ตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ 2530 มาตรา 14 ที่บัญญัติว่า
“มาตรา14 เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์แก่ การเศรษฐกิจของประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศยกเว้น ลด หรือเพิ่มอากรจากอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากร หรือประกาศเรียกเก็บอากรตามอัตราที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากร
หรือประกาศกำหนดอัตราอากรตามราคาหรือตามสภาพ สำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศที่ร่วมลงนามหรือลักษณะตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือความตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใดๆ ไว้ด้วยก็ได้ การประกาศ การยกเลิก หรือการเปลี่ยนแปลงประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
ข้อพิจารณา มีข้อพิจารณาว่า ความตกลงที่ฝ่ายไทยไปเจรจากับฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีลักษณะเป็นสัญญาหรือความตกลง ตามมาตรา14 หรือไม่ โดยอาจเทียบได้กับความตกลงเขตการค้าเสรีที่ไทยทำความตกลงกับประเทศหรือกลุ่มประเทศต่างฯ ซึ่งมีการลงนามในเอกสารความตกลง โดยผู้มีอำนาจลงนามฝ่ายไทยและฝ่ายผู้มีอำนาจของของประเทศหรือกลุ่มประเทศที่ทำความตกลงดังกล่าว
กรณีความตกลงภาษีทรัมป์ก็ต้องจัดทำเอกสารความตกลงขึ้นระหว่างฝ่ายไทยและสหรัฐ ระบุรายละเอียดที่ได้ตกลงกัน แล้วลงนามโดยผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่าย ก็จะทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจออกประกาศยกเว้นหรือลดอากรนำเข้าสินค้าจากสหรัฐตามที่ตกลงกันได้
กฎหมายที่ใช้ในการควบคุมหรือกำหนดข้อจำกัดในการส่งออกนำเข้า
การควบคุมและกำหนดข้อจำกัดการส่งออกนำเข้าสินค้ามีกฎหมายหลักที่สำคัญคือ “พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ 2522” ถือเป็นกฎหมายกลางใช้ทั่วไปในการควบคุมกำหนดข้อจำกัดในการส่งออกหรือนำเข้าสินค้า หน่วยงานใดต้องการควบคุมหรือกำหนดข้อจำกัดในการนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสินค้าใดตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้น ก็ส่งเรื่องมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามที่บัญญัติในกฎหมายนี้ต่อไป
การควบคุมและกำหนดข้อจำกัดในการนำเข้าส่งออกสินค้าตามกฎหมายฉบับนี้มีหลายมาตรการ คือ ห้ามนำเข้าส่งออก ต้องขออนุญาตในการนำเข้าหรือส่งออก กำหนดเงื่อนไขในการนำเข้าส่งออก เสียค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำเข้าหรือส่งออก กำหนดให้มีหนังสือรับรอง เป็นต้น
นอกจากกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าวแล้ว ยังมีกฎหมายเฉพาะที่ใช้ในการควบคุมหรือกำหนดข้อจำกัดในการส่งออกนำเข้าสินค้า จำเพาะสินค้าในความรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งมีหลายหน่วยงานและมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น
กรมปศุสัตว์ มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ 2558 พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558
กรมวิชาการเกษตร มีกฎหมายคือ พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ .ร. บ. อาหาร พ.ศ.2522 พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 และพ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551
กระทรวงอุตสาหกรรม มีกฎหมาย คือ พ.ร.บ.วัตถุอันตรายพ.ศ.2535 และพ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511
กระทรวงกลาโหม มีกฎหมาย คือ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530
การยกเลิกการควบคุมหรือจำกัดการนำเข้าสำหรับสินค้าจากสหรัฐอเมริกา
ในกรณีเป็นสินค้าที่ควบคุมหรือจำกัดการนำเข้าตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกหรือการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ มีแบบอย่างการดำเนินการอยู่แล้วในกรณีเปิดตลาดตามพันธกรณีตามความตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก หรือตามความตกลงเขตการค้าเสรีที่ไทยทำความตกลงไว้กับประเทศหรือกลุ่มประเทศต่างๆ
ในกรณีเป็นสินค้าที่ควบคุมหรือจำกัดการนำเข้าตามกฎหมายในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนแนวปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายนั้นๆ
หมายเหตุ (1) การยกเลิกการควบคุมหรือข้อจำกัดในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาไม่ควรยกเลิกการควบคุมหรือข้อจำกัดสำหรับสินค้าที่กำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองสุขอนามัย พืชสัตว์ มนุษย์ หรือเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน
(2) ความตกลงที่เกิดขึ้นจากการเจรจาเรื่องภาษีทรัมป์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา หากเข้าข่ายเป็นความตกลงตามมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 ก็เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามบทบัญญัติของมาตรา 178 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย







