“ฟิลิปปินส์” ระงับการนำเข้าข้าว 60 วัน กระทบผู้ส่งออกข้าวไทย

“ฟิลิปปินส์” ผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศระงับนำเข้าข้าว 60 วัน เริ่ม 1 ก.ย.68 หลังราคาข้าวในประเทศตกต่ำแรง ด้านกรมการค้าระหว่างประเทศ รับกระทบการส่งออกข้าวไทย แต่ยังมั่นใจทั้งปีไทยส่งออกได้ตามเป้า 7.5 ล้านตัน
KEY
POINTS
- ฟิลิปปินส์ประกาศระงับการนำเข้าข้าวเป็นเวลา 60 วัน (1 ก.ย. – 30 ต.ค. 2568) เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกในประเทศตกต่ำ
- มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวไทยที่มีคำสั่งซื้อค้างอยู่และอาจส่งมอบไม่ทันตามกำหนดเวลา
- กรมการค้าต่างประเทศเตรียมแผนรับมือโดยการเจรจาขยายตลาดส่งออกข้าวไทยไปยังประเทศอื่น เช่น จีน บังกลาเทศ และอิรัก เพื่อลดผลกระทบ
นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้ประกาศหลังการประชุมหารือกับคณะรัฐมนตรีว่า จะสั่งระงับการนำเข้าข้าว 60 วัน (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. –30 ต .ค. 2568) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของเกษตรกรในประเทศโดยเป็นการดำเนินการตามข้อเสนอของนายฟรานซิสโก ติอู ลอเรล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ ที่เสนอให้ประธานาธิบดีมาร์กอสระงับการนำเข้าข้าวเป็นการชั่วคราว
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ (DA) รายงานว่า ขณะนี้ตลาดข้าวในประเทศกำลังเผชิญแรงกดดันจากข้าวนำเข้าราคาถูกส่งผลให้ผู้ค้าข้าวบางรายรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาต่ำสุดเพียง 8 – 10 เปโซต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่อยู่ระหว่าง 12 – 14 เปโซต่อกิโลกรัม โดยเกษตรกรระบุว่า สาเหตุหลักมาจากการทะลักเข้ามาของข้าวนำเข้าราคาถูก
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงมะนิลา รายงานว่าคำสั่งระงับการนำเข้าข้าวครั้งนี้ครอบคลุมเฉพาะข้าวขัดสีทั่วไป (regular milled rice) และข้าวขัดสีคุณภาพดี(well-milled rice) ขณะที่ข้าวบาสมาติและข้าวชนิดอื่นๆ จะได้รับการยกเว้นไม่อยู่ในข่ายการระงับนำเข้า
ทั้งนี้ เครือข่ายผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมข้าวฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า การลดปริมาณการนำเข้าข้าวจะทำให้ตลาดต้องพึ่งพาผลผลิตในประเทศมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและคาดว่าราคาขายปลีกข้าวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 - 2 เปโซต่อกิโลกรัม
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ส่งออกข้าวไทยเกี่ยวกับผลกระทบกรณีดังกล่าว ได้รับแจ้งว่า กรณีรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศระงับการนำเข้าข้าวส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งประเทศผู้ส่งออกรายอื่นก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากยังมีออเดอร์ค้างอยู่และอาจจะส่งมอบไม่ทันก่อนวันที่ 1 ก.ย. 2568
ขณะนี้ทราบจากผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ว่าจะมีการหารือกันในกลุ่มผู้นำเข้าข้าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฟิลิปปินส์พิจารณาผ่อนผันการส่งมอบข้าวที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามที่ได้มีการตกลงทำสัญญาซื้อขายกันไว้แล้วหรือขอให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตามกรมการค้าต่างประเทศเตรียมแผนส่งเสริมตลาดเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยเพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวและสะท้อนเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย อาทิ การเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น ได้แก่
ผลักดันการส่งออกข้าวไทยผ่านการเร่งเจรจาตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับ ประเทศคู่สัญญา อาทิ รัฐบาลจีน (COFCO) ที่ยังเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน และขยายตลาดข้าวขาว และข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพอย่างบังกลาเทศ ซาอุดีอาระเบีย และอิรัก การจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น (7 – 11 ก.ย.ยายน 2568) การรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงเดินทางเยือนไทย (เดือนพ.ย. 2568)
นอกจากนี้ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาส และขยายช่องทางตลาดข้าวไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศให้ การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) สัญจร โดยการลงพื้นที่จัดสัมมนาให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดโลก เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้นในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ในปี 2567 ไทยส่งออกข้าวให้ฟิลิปปินส์ คิดเป็นมูลค่า 333 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 58.69% จากมูลค่าในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 210,454,575.47 ดอลลาร์ ส่วนครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค. – มิ.ย. 2568) ไทยส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ปริมาณไม่มากนักประมาณ 141,000 ตัน คิดเป็นเพียง 3.78% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด
"คาดการณ์ว่าภาพรวมการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะเป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้ที่ 7.5 ล้านตัน"นางอารดา ระบุ







