"สมุนไพรไทย"โอกาส"ผู้ประกอบการไทย" ต่อยอดเชิงพาณิชย์ สู่ตลาดสากล

"สมุนไพรไทย"โอกาส"ผู้ประกอบการไทย" ต่อยอดเชิงพาณิชย์ สู่ตลาดสากล

สนค. เผย ปี 67 มูลค่าตลาดสมุนไพรไทย กว่า 44,800 ล้านบาท ชี้ไทยมีความได้เปรียบจากความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชสมุนไพรกว่า 2,000 ชนิด แนะเร่งต่อยอดเชิงพาณิชย์ ดัน Soft Power สมุนไพรไทยสู่สากล

KEY

POINTS

  • ตลาดสินค้าสมุนไพรโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยตลาดค้าปลีกของไทยมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
  • แม้ไทยจะมีศักยภาพด้านความหลากหลายของสมุนไพร แต่ยังคงเป็นผู้นำเข้าสุทธิในกลุ่มวัตถุดิบสมุนไพรหลัก ได้แก่ พืชสมุนไพร สารสกัด และน้ำมันหอมระเหย
  • โอกาสของผู้ประกอบการไทยในการก้าวสู่ตลาดสากล คือการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
  • ภาครัฐส่งเสริมและผลักดันสมุนไพรไทยผ่านแคมเปญ "Think Wellness Think Thai Herb" เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในตลาดโลก

“สมุนไพร” ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคและการดูแลสุขภาพ ซึ่ง”สมุนไพรไทย”ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและสรรพคุณทางยา ทำให้เป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศ และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย

ข้อมูลจาก Euromonitor บริษัทวิจัยตลาดระดับโลก ในปี 2567 มูลค่าการค้าปลีกสินค้าสมุนไพรในตลาดโลก  สูงถึง 60,589.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.6% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนแตะระดับ 78,395.6 ล้านดอลลาร์  ในปี 2572

โดยตลาดค้าปลีกรายใหญ่ 5 อันดับแรกของโลก ได้แก่  จีน มีมูลค่า 19,569.3 ล้านดอลลาร์  สหรัฐอเมริกา 9,809.5 ล้านดอลลาร์ ญี่ปุ่น 2,953.7 ล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้ 2,679.2 ล้านดอลลาร์ และ เยอรมนี 2,159.9 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยตลาดค้าปลีกสมุนไพรมีมูลค่า 1,265.6 ล้านดอลลาร์ขยายตัว 7.1% จากปีก่อนหน้า จัดอยู่อันดับที่ 10 ของโลก

ขณะที่ตลาดสมุนไพรในประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 44,800 ล้านบาท  ในปี 2567

 “พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ “ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)  กระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า แนวโน้มการค้าสินค้าสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง พบว่า สินค้าสมุนไพรยังเติบโตทั้งในประเทศ โดยข้อมูลจาก Euromonitor  พบว่า การค้าสินค้าสมุนไพรของโลก  ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ พืชสมุนไพร สารสกัดจากสมุนไพร  และน้ำมันหอมระเหย 

โดยในปี 2567 มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ของ 1.พืชสมุนไพร มีมูลค่าการส่งออกทั่วโลก 4,562.8 ล้านดอลลาร์ โดยมีประเทศผู้ส่งออกสำคัญ คือ จีน และแคนาดา และมีมูลค่าการนำเข้าทั่วโลกอยู่ที่ 4,500.0 ล้านดอลลาร์ โดยมีประเทศผู้นำเข้าสำคัญ คือ สหรัฐฯ  เยอรมนีและจีน 

ขณะที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้า 30.2 ล้านดอลลาร์   และมีมูลค่าการส่งออก 18.5 ล้านดอลลาร์  โดยไทยขาดดุลการค้าสินค้าพืชสมุนไพร 11.7 ล้านดอลลาร์

"สมุนไพรไทย"โอกาส"ผู้ประกอบการไทย" ต่อยอดเชิงพาณิชย์ สู่ตลาดสากล

 

2. สารสกัดจากสมุนไพร มีมูลค่าการส่งออกทั่วโลก 8,345.2 ล้านดอลลาร์ โดยมีประเทศผู้ส่งออกสำคัญ คือ จีน อินเดีย  และสหรัฐฯ และมีมูลค่าการนำเข้าทั่วโลกอยู่ที่ 7,955.7 ล้านดอลลาร์ โดยมีประเทศผู้นำเข้าสำคัญ คือ สหรัฐฯ  เยอรมนี  และจีน 

ขณะที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้า 140.7 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าการส่งออก 11.5 ล้านดอลลาร์ โดยไทยขาดดุลการค้าสินค้าสารสกัดสมุนไพร 129.2 ล้านดอลลาร์

3. น้ำมันหอมระเหย มีมูลค่าการส่งออกทั่วโลก 6,381.2 ล้านดอลลาร์โดยมีประเทศผู้ส่งออกสำคัญ คือ อินเดีย สหรัฐฯ  และบราซิล  และมีมูลค่าการนำเข้าทั่วโลกอยู่ที่ 6,325.1 ล้านดอลลาร์ โดยมีประเทศผู้นำเข้าสำคัญ คือ สหรัฐฯ เยอรมนีและฝรั่งเศส 

ขณะที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้า 36.9 ล้านดอลลาร์  และมีมูลค่าการส่งออก 20.0 ล้านดอลลาร์ โดยไทยขาดดุลการค้าสินค้าน้ำมันหอมระเหย 16.9 ล้านดอลลาร์

“จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนว่า แม้ประเทศไทยจะมีศักยภาพด้านสมุนไพร แต่ไทยเป็นผู้นำเข้าสุทธิในทุกกลุ่มสินค้าสมุนไพรดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มสารสกัดที่ไทยมีมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าทุกกลุ่ม เนื่องจากต้องใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรมต่อเนื่อง แต่กระบวนการผลิตมีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้ไทยจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก “นายพูนพงษ์ กล่าว

ด้านการส่งออก จากมูลค่าการส่งออกของไทย ใน 3 กลุ่มสินค้าหลัก (พืชสมุนไพร สารสกัดจากสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย) พบว่า ไทยยังมีสัดส่วนการส่งออกในตลาดโลกค่อนข้างต่ำ โดยมีสินค้าน้ำมันหอมระเหยเป็นกลุ่มที่ไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยมีการนำสมุนไพรไทยไปใช้เป็นวัตถุดิบในหลายอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหารและเครื่องดื่ม อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์นวดแผนไทยและสปา และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ซึ่งไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ขั้นปลายเหล่านี้ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการจัดหมวดหมู่ในระบบพิกัดศุลกากรของสินค้าสมุนไพรที่ไม่แน่ชัด จึงไม่สามารถจัดเก็บมูลค่าการส่งออกของสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยได้ทั้งหมด

 โดยหน่วยงานภาครัฐไทยตระหนักถึงข้อจำกัดนี้ และกรมศุลกากรอยู่ระหว่างจัดทำพิกัดรหัสสถิติ เพื่อให้สามารถจัดเก็บมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนในการกำกับติดตาม เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการขับเคลื่อนสมุนไพรไทยได้อย่างเหมาะสม

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สมุนไพรไทยไม่เพียงเป็นมรดกภูมิปัญญาของชาติ แต่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ประเทศไทยมีจุดแข็งรอบด้าน ทั้งด้านสายพันธุ์พืชสมุนไพรที่หลากหลาย การใช้สมุนไพรในวิถีดั้งเดิมของชุมชน และการต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ หากสามารถบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ด้วยแนวคิดร่วมสมัย จะเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และสอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศใช้ Key Message “Think Wellness Think Thai Herb คิดถึงสุขภาพ คิดถึงสมุนไพรไทย” ในการประชาสัมพันธ์สมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เพื่อร่วมกันสร้างการรับรู้ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี สะท้อนคุณค่าและความน่าเชื่อถือ ตลอดจนส่งเสริมสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ซึ่งจะสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป 

ทั้งนี้อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย เป็นภาคส่วนที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการด้านสุขภาพ จึงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ  

ไทยมีความได้เปรียบจากความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชสมุนไพรที่ใช้ประโยชน์แล้วกว่า 2,000 ชนิด และมีตำรับยาแผนไทยที่บันทึกไว้มากกว่า 16,000 ตำรับ จึงเป็นโอกาสสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเมื่อผู้บริโภคยุคใหม่ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจมากขึ้นกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติและต้องได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์