ไทยเสี่ยงหลุดเวทีโลก! จี้รัฐสร้างแผน 'เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ' ดึงลงทุน

ไทยเสี่ยงหลุดเวทีโลก! จี้รัฐสร้างแผน 'เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ' ดึงลงทุน

กูรูชี้ไทยเสี่ยงหลุดเวทีโลก ขาดแผนยุทธศาสตร์ "เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ" จี้รัฐเร่งเครื่องดึงทุกภาคส่วนร่วมมือสร้างความยั่งยืน

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ซึ่งต่างจากมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ทำให้เสี่ยงเสียเปรียบในการแข่งขันและอาจหลุดจากเวทีโลก
  • ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติโดยเร็ว โดยปัจจุบัน BOI กำลังร่างแผนและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกในการสนับสนุนจากภาครัฐ
  • ข้อเสนอแนะสำคัญต่อภาครัฐคือการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เช่น 10,000 ล้านบาท เป็นเวลา 20 ปี เพื่อสร้างความมั่นคงให้อุตสาหกรรม
  • เสนอให้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ชิปที่ผลิตในประเทศ (Local Chip) และให้ภาครัฐใช้นโยบายจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์ที่มีชิปของคนไทย เพื่อสร้างตลาดและลดการพึ่งพาการนำเข้า
  • การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงต่างๆ (อว., BOI, ต่างประเทศ, พาณิชย์) ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อวางแผน ดึงดูดการลงทุน และขยายตลาด

ประเทศไทยยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ภาครัฐจึงจำเป็นต้องเร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและครอบคลุม ทั้งในด้านการลงทุน R&D นโยบายพลังงานสะอาด และการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการ "แนวทางการปรับโครงสร้างภาคการส่งออกเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยในตลาดโลกให้เติบโตอย่างยั่งยืน"  เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2568

นายนัยวุฒิ วงษ์โคเมท อุปนายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมไทย เซมิคอนดักเตอร์ กล่าวในหัวข้อเสวนา "ศักยภาพการส่งออกของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของไทย" ว่า อุตสาหกรรมไมโครชิปและเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจของการส่งออกของประเทศกว่า 40% และเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมหลักอื่นๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

นายนัยวุฒิ กล่าวว่า แม้บริษัทไทยจะมีข้อจำกัดด้านขนาดและการลงทุน แต่ก็สามารถแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ โดยต้องมี กลยุทธ์ที่ชัดเจน อาทิ การเลือกตลาดเฉพาะกลุ่ม (market niche) ที่ไม่ใหญ่มาก เช่น ตลาด RFID และการเป็นผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก ใน segment ที่เลือก โดยต้องสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายใหญ่ได้

นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไทย โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก รวมถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับแต่ละส่วน แบ่งเป็น

1. การออกแบบ (Design) ถือเป็นส่วนสำคัญที่ใช้คนน้อยแต่สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องได้สูง เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มากเมื่อเทียบกับการผลิตจริง หากมีการสนับสนุนเรื่องการออกแบบอย่างจริงจัง จะสามารถเชื่อมโยงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วประเทศได้

2. การผลิต (Wafer Fab) ยอมรับว่าการผลิตเวเฟอร์เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุด เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ในอดีตประเทศไทยเคยมีความพยายามจะตั้งโรงงานผลิตเวเฟอร์แต่ไม่สำเร็จ ปัจจุบันปัญหาที่ยังคงอยู่คือ การขาดแคลนห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) และบุคลากร (talent) ที่มีความเชี่ยวชาญ แต่ก็มองว่าถึงเวลาแล้วที่ไทยจะต้องเริ่มต้นลงทุนในส่วนนี้ โดยอาจจะเริ่มจากโรงงานขนาดเล็ก เช่น โรงงานที่ใช้เทคโนโลยีเก่า (Legacy Fab) ซึ่งยังคงมีความต้องการในตลาดและใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยอาจมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาทและภาครัฐอาจจะร่วมลงทุนส่วนหนึ่ง

3. การประกอบและทดสอบ (ATP/Packaging) ประเทศไทยมีความเข้มแข็งในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ (packaging) อยู่แล้ว โดยมีส่วนแบ่งการตลาดโลกอยู่ที่ 2% อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งการตลาดนี้จะลดลงเหลือเพียง 1% ใน 7 ปีข้างหน้า หากไม่มีการสนับสนุนอย่างจริงจัง จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องหาทางรักษาและพัฒนาส่วนนี้ให้ดีขึ้น

4. โฟโทนิคส์ (Photonics) อุตสาหกรรมโฟโทนิคส์เป็นอีกหนึ่งส่วนที่มีศักยภาพ เนื่องจากประเทศไทยมีความแข็งแกร่งในเรื่อง Organic และมีห่วงโซ่อุปทานในประเทศอยู่มาก ทั้งผู้เล่นไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน จึงมองว่าภาครัฐควรให้ความสำคัญและสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น เพราะอาจเป็นอีกจุดแข็งที่ทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้

ทั้งนี้ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ ต่างก็มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนแล้ว โดยข่าวดีขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อยู่ระหว่างการร่างแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม

ดังนั้น จึงเสนอแนวคิดที่ภาครัฐควรพิจารณาเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไทย ดังนี้

1. รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เช่น งบประมาณ 10,000 ล้านบาท เป็นเวลา 20 ปีต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรม

2. การเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมในประเทศ ต้องมีมาตรการส่งเสริมให้เกิด ชิปในประเทศ (Local Chip) ที่สามารถเชื่อมโยงและเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมอื่นๆ ของไทย เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า

3. นโยบายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบชิปที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อเป็นตลาดแรกและสร้างโอกาสให้บริษัทไทยสามารถพัฒนาและเติบโตต่อไปได้

4. การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน แม้ปัจจุบันจะได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และ BOI แล้ว ยังควรมีกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงเอกชนและสถาบันการศึกษา เข้าร่วมวางแผน ดึงดูดการลงทุน และขยายตลาดการส่งออกให้เติบโตอย่างยั่งยืน

"อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นเกมระยะยาวที่ต้องอาศัยการวางแผนและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยมองว่าการมีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง จะทำให้ประเทศไทยสามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนในอนาคต"