จุดเปลี่ยนธุรกิจ ปตท.ในกัมพูชา เจ้าของแฟรนไชส์ขอเปลี่ยน PTT Station เป็น Peace

จุดเปลี่ยนธุรกิจ ปตท.ในกัมพูชา เจ้าของแฟรนไชส์ขอเปลี่ยน PTT Station เป็น Peace

จุดเปลี่ยนธุรกิจ ปตท.ในกัมพูชา เจ้าของแฟรนไชส์ PTT Station บางส่วนรวมตัวหารือเปลี่ยนใช้แบรนด์ท้องถิ่นในชื่อ Peace แต่การยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ต้องใช้เวลา ด้านยอดขายน้ำมันในกัมพูชาครึ่งปีบวก 3.7% ขยายตัวต่ำกว่าตลาดฟิลิปปินส์และลาว

ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นำมาสู่การเจรจาหยุดยิง แต่ยังมีการปะทะและยังมีการตรึงกำลังบริเวณชายแดน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการ

ที่ผ่านมา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.2568 ท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องข้อพิพาทชายแดน โดยให้บริษัทจัดหาน้ำมันในกัมพูชานำเข้าเชื้อเพลิงอย่างเพียงพอจากแหล่งอื่นแทน

ในขณะที่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR บริษัทลูกของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เข้าไปลงทุนตั้งปั๊มน้ำมันในกัมพูชาภายใต้บริษัท PTT Cambodia Limited (PTTCL) มีสถานีบริการน้ำมัน 190 แห่ง ในกรุงพนมเปญ , เมืองเสียบเรียบ และถนนเส้นทางหลักของกัมพูชา

รวมทั้งก่อนหน้านี้ OR มีแผนขยายลงทุนในกัมพูชา 100 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,000 ล้านบาทเศษ เพื่อลงทุนคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) และขยายคลังน้ำมัน รองรับการขยายฐานตลาดอุตสาหกรรม ตามนโยบายกัมพูชาเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากไทย เพื่อขยายคลังน้ำมันเพิ่ม 1 เท่าตัว รองรับความต้องการใช้น้ำมัน และน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้น

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มมีกระแสต่อต้านสินค้าไทยในโลกออนไลน์ นำโดย Influencer บางกลุ่มที่รณรงค์ให้บริโภคสินค้าภายในประเทศ รวมถึงช่วงวันที่ 2-3 ส.ค.2568 มีการเดินขบวนในกรุงพนมเปญเพื่อเรียกร้องสันติภาพ 

ทั้งนี้ กระแสดังกล่าวเชื่อมโยงไปสู่การต่อต้านสินค้าไทยทำให้ห้างสรรพสินค้าและบริการของไทย เช่น Makro, 7-Eleven และ Major Cineplex ได้รับผลกระทบมีลูกค้าลดน้อยลง

นอกจากนี้ เจ้าของแฟรนไชส์ PTT Station บางส่วนได้รวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแบรนด์เป็นแบรนด์ ท้องถิ่น ในชื่อ Peace แต่ยังคงเป็นเพียงภาพกราฟิก และการยกเลิกสัญญาแฟรนไชส์ยังต้องใช้เวลาเพราะต้องดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย

รายงานข่าวจาก กลุ่ม ปตท. ระบุว่า ข้อมูลเดือน เม.ย.2568 OR มีปั๊มน้ำมันในกัมพูชา 190 แห่ง และมีร้านคาเฟ่อเมซอน 258 แห่ง ซึ่งถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับในไทยที่มีปั๊มกว่า 2,000 แห่ง 

ในขณะที่ ปตท.ได้เรียกพนักงานที่เป็นคนไทยให้เดินทางออกจากกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.2568 เพื่อความปลอดภัย โดยปั๊มน้ำมันและร้านคาเฟ่อเมซอน ในกัมพูชายังเปิดดำเนินการตามปกติ เพราะพนักงาน OR ในกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นคนกัมพูชาเกือบ 100% และให้พนักงานกัมพูชาดูแลการดำเนินงานพร้อมทั้งประกาศกับบริษัทแม่ในประเทศไทย

รายงานข่าวจาก OR ระบุว่า OR ได้จัดทำคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาส 2 ปี 2568 โดย รายงานว่ายอดขายนำมันในกัมพูชาไตรมาส 1 ปี 2568 มีปริมาณ 169 ล้านลิตร และไตรมาส 2 ปี 2568 มีปริมาณ 165 ล้านลิตร รวมครึ่งปีแรกมียอดขาย 334 ล้านลิตร เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วขยายตัว 3.7% ซึ่งลดลงจากน้ำมันเตาเป็นหลัก ตามอุปสงค์ของโรงไฟฟ้าที่ต่ำลง สวนทางกับดีเซลและเบนซินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ยอดขายในกัมพูชาขยายตัวต่ำสุดเมื่อเทียบกับยอดขายน้ำมันในฟิลิปปินส์ในช่วงครึ่งปีแรกมีปริมาณ 662 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24.4% ในขณะที่ลาวมียอดขาย 168 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 15.1%

นอกจากนี้ ยอดจําหน่ายรวมในกัมพูชาลดลง โดยหลักมาจากน้ำมันเตาจําหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า และดีเซลในตลาดพาณิชย์ที่การแข่งขันสูงแม้ว่าน้ำมันอากาศยานและเบนซินจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ในส่วนของปริมาณจําหน่าย Cafe Amazon เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกัมพูชาและลาวตามการขยายสาขา

รวมทั้ง OR ได้รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจกัมพููชา ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจกัมพูชาขยายตัวลดลงที่ไม่เกิน 4.0%จาก 5.8% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยหนุนมาจากแรงขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้าสิ่งทอและสินค้าที่ไม่ใช่สิ่งทอ (non-garment) การเติบโตโดยรวมของภาคเกษตรกรรมและภาคการท่องเที่ยวและบริการ อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวเติบโตในอัตราลดลงต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจกัมพูชายังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากทั้งระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาจีนระดับสูง ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มหดตัวลงอย่างมีนัยสําคัญ และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อการบริโภคของประชากรภายในประเทศ และด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเทศปัจจุบันทําให้การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมชะลอตัวลง และส่งผลต่อความเปราะบางของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้วย