อ่านงบการเงินเพื่อปรับทิศทางธุรกิจเอสเอ็มอี (4)

อ่านงบการเงินเพื่อปรับทิศทางธุรกิจเอสเอ็มอี (4)

เนื้อหาของบทความในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เชิญชวนให้เจ้าของหรือผู้บริหารของธุรกิจเอสเอ็มอี นำตัวเลขในรายงานทางบัญชีการเงิน โดยเฉพาะงบการเงินที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือน มาดูให้ลึกลงไปกว่าตัวเลขที่ปรากฏให้เห็นในรายงาน

เพราะเมื่อนำตัวเลขพื้นฐานเหล่านี้ มาปรุงแต่งเพิ่มเติมด้วยการคำนวณง่ายๆ ก็จะทำให้ผู้บริหารเอสเอ็มอีสามารถมองลึกลงไปได้ถึงประสิทธิภาพการทำธุรกิจของตนเองที่ผ่านมาในอดีต และจะช่วยในการวางแผนอนาคตให้กับธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ตัวเลขดังกล่าว เรียกกันโดยทั่วไปว่า “อัตราส่วนทางการเงิน” ที่จะเป็นดัชนีชี้วัดการขยายตัวของธุรกิจ การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของมูลค่าทรัพย์สินของกิจการ ประสิทธิภาพการทำงานประจำของพนักงานที่จะนำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีของธุรกิจ

ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นดัชนีที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจและการวางแผนธุรกิจในอนาคต

บทความในสัปดาห์นี้ จะค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ ที่จะเกี่ยวข้องกับการปรับแนวคิดสู่การดำเนินธุรกิจในอนาคตที่จะมาถึง คือการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “ธุรกิจสีเขียว”

ดัชนีทางการเงินที่จะนำมาชี้วัดประสิทธิภาพที่เอสเอ็มอีเพื่อเตรียมตัวรับอนาคตของ “ธุรกิจสีเขียว” ในเบื้องต้น มีดังนี้

1.อัตราส่วน ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน คำนวณจาก ยอดขายรวม หารด้วย ปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ใช้ ที่ต้องคำนวณกลับให้อยู่ในหน่วย กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) หรือ 1 หน่วยไฟฟ้า เพื่อให้ตัวเลขการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ ของธุรกิจ มาอยู่ในฐานเดียวกัน

อัตราส่วนนี้ จะบอกให้ทราบว่า การสร้างยอดขายทั้งหมดของกิจการ ต้องใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า เชื้อเพลิงเผาไหม้ น้ำมันสำหรับยานพาหนะ ฯลฯ ซึ่งถือได้ว่า การใช้พลังงานเหล่านี้จะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลืองหมดไป

ตัวเลขอัตราส่วนที่ลดลง จะแสดงว่ากิจการมีการใช้ ควบคุม และบริหารจัดการการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.อัตราส่วน ขยะและของเสียเทียบกับปริมาณสินค้าที่ผลิตได้ คำนวณได้จาก ค่าใช้จ่ายเพื่อการกำจัดของเสีย หารด้วย ยอดขายรวม

อัตราส่วนนี้ จะบอกให้ทราบถึงประสิทธิภาพที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์ในการนำแนวคิดการพัฒนาความยั่งยืนและการรักษาคุณภาพของสิ่งแวดล้อมที่สามารถวัดและติดตามบริหารจัดการได้เป็นตัวเลข

3.อัตราส่วน ค่าใช้จ่ายลงทุนและค่าใช้จ่ายกิจกรรมเพื่อพัฒนาความยั่งยืน ต่อ ค่าใช้จ่ายรวม คำนวณได้โดยตรงจาก ยอดรวมค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาความยั่งยืน หารด้วย ค่าใช้จ่ายรวม หากอัตราส่วนมีค่าต่ำ แสดงว่า ความพยายามในการปรับกิจการให้เป็น “ธุรกิจสีเขียว” ยังไม่เพียงพอและเหมาะสม

โดยเฉพาะกรณีที่ธุรกิจได้ใช้กลยุทธ์การตลาดที่อ้างถึงการเป็น “ธุรกิจสีเขียว” ผู้บริหารอาจต้องให้ความสนใจว่าเป็นการกล่าวอ้างเกินจริงหรือไม่

4.อัตราส่วน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ต่อ ยอดขายรวม หรืออาจเรียกว่า อัตราส่วนความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งธุรกิจจะต้องมีความสามารถในการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในรูปของ ปริมาณเทียบเท่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว อัตราส่วนเหล่านี้ อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ในปัจจุบัน จะสามารถศึกษาวิธีการคำนวณต่างๆ ได้จากแหล่งความรู้ออนไลน์ และอาจต้องเริ่มมีการจัดเก็บและบันทึกกิจกรรมและค่าใช้จ่ายในหมวดที่ยังไม่เคยเก็บบันทึกมาก่อน

แต่เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องการเตรียมขับเคลื่อนธุรกิจให้เข้าสู่เทรนด์ “สีเขียว” หรือ “ความยั่งยืน” จะได้เตรียมการไว้ก่อนเนิ่น ๆ

รวมถึงการส่งเสริมสนับสนุนให้พนักงานของบริษัท โดยเฉพาะพนักงานฝ่ายบัญชีการเงิน ให้แยกหมวดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์โลก ออกเป็นพิเศษ เพื่อให้ ฝ่ายการตลาด ได้นำไปเป็นข้อมูลในการสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย !!??!!