'ซีเครสท์ มารีน' ร้องรัฐ 7 ปี กู้เรือ 'ฟีนิกซ์' ไม่ได้รับค่าจ้าง

'ซีเครสท์ มารีน' ร้องรัฐ 7 ปี กู้เรือ 'ฟีนิกซ์' ไม่ได้รับค่าจ้าง

“ซีเครสท์ มารีน” เปิดใจ 7 ปีผ่านไป ย้อนเหตุการณ์กู้เรือ “ฟีนิกซ์” เผยเป็นเหตุด่วนรัฐสั่งเร่งช่วยเหลือ ยอมควักเงินกว่า 40 ล้านดำเนินการ แต่ยังไร้วี่แววจ่ายค่าจ้าง วอนรัฐเห็นใจเอกชน เร่งหาทางออก

KEY

POINTS

  • "ซีเครสท์ มารีน" ย้อนเหตุการณ์กู้เรือ "ฟีนิกซ์" ปี 2561 ยอมทุ่มเงินกว่า 41 ล้านบาท ว่าจ้างเรือเครนสิงคโปร์ และนักประดาน้ำทั้งไทยและต่างชาติ 
  • เผยได้รับการประสานจาก "นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่" สั่งการมาจากรัฐบาล เร่งช่วยเหลือประเทศในยามวิกฤต
  • ภารกิจสำเร็จมากว่า 7 ปี ยังไร้วี่แววจ่ายค่าจ้าง วอนรัฐเห็นใจเอกชน หวังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาเจรจาและหาทางออก เร่งชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด 

จากกรณีเหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2561 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและชื่อเสียงของประเทศไทยในวงกว้าง เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต และกู้เรือกินเวลานานยังไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ ทางสถานกงสุลจีน ประจำภูเก็ต และชาวจีนไม่พอใจอย่างมาก ทำให้เป็นผลกระทบเกิดกระแสนักท่องเที่ยวจีนงดเดินทางมาไทย

จากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น จึงเป็นที่มาของการติดต่อไปยัง บริษัท ซีเครสท์ มารีน จำกัด เพื่อเข้ามาช่วยดำเนินการกู้ซากเรือฟีนิกซ์ เนื่องจากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่อเรือ และอยู่ในแวดวงเรือมาเป็นเวลานาน และท้ายที่สุดก็สามารถกู้เรือฟินิกซ์ได้สำเร็จ

นายธนภัทร เหมังกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเครสท์ มารีน จำกัด (SECREST Marine) เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ถึงเหตุการณ์กู้เรือฟีนิกซ์ โดยระบุว่า ในช่วงปี 2561 จากเหตุเรือฟีนิกซ์พลิกคว่ำและมีบริษัทรายอื่นไม่สามารถกู้ซากเรือได้ จนเกิดเป็นกระแสทางการจีนขอให้นักท่องเที่ยวงดเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตนได้รับการติดต่อจาก “นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่” ซึ่งได้รับสั่งการมาจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพื่อให้ซีเครสท์มารีน ดำเนินการกู้ซากเรือฟีนิกซ์

“ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไป เพราะเราทำอู่ต่อเรือ ไม่ได้กู้เรือ แต่ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็ร้องขอหนักมาก บอกว่างานนี้พี่ต้องช่วยผม เพราะนายสั่ง” นายธนภัทร เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาในภารกิจนี้

อย่างไรก็ดี จากความจำเป็นเร่งด่วนและการร้องขอให้ช่วยดำเนินการเพื่อประเทศนั้น บริษัทฯ จึงนำทีมงานไปสิงคโปร์เพื่อเช่า “เรือเครนขนาดใหญ่” ที่มีกำลังยกถึง 1,000 ตัน พร้อมทั้งระดมนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและมาเลเซีย ใช้อุปกรณ์พิเศษ และเชือกที่มีความแข็งแรงสูงในการกู้เรือขึ้นมา ซึ่งภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีภายใน 3-4 วันสามารถกู้ซากเรือฟีนิกซ์ขึ้นมาได้

นายธนภัทร กล่าวด้วยว่า เมื่อบริษัทฯ สามารถกู้ซากเรือขึ้นมาได้ ภารกิจนี้ลุล่วงมากว่า 7 ปี แต่ปัจจุบันกลับยังไม่ได้รับการชดเชยค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ได้ลงทุนไปกว่า 41 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ รับภารกิจนี้และใช้เวลามากกว่า 1 เดือนในการประสานงาน ติดต่อว่าจ้างเรือเครนจากต่างประเทศ และนักประดาน้ำต่างชาติเพื่อเร่งดำเนินงาน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ นำเงินลงทุนออกไปก่อน โดยหวังเพียงว่าภาครัฐซึ่งเป็นผู้มาว่าจ้างจะจ่ายค่าดำเนินการต่างๆ

ทั้งนี้ ตนไม่สามารถไปเรียกร้องค่าใช้จ่ายต่างๆ จากบริษัทเจ้าของเรือฟีนิกซ์ เพราะปัจจุบันบริษัทนี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว และคงไม่มีเงินเพียงพอที่จะมาจ่าย ส่วนหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่จบภารกิจดังกล่าวก็ไม่เคยประสานมายังบริษัทฯ เพื่อขอบคุณหรือจ่ายชดเชยค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะ “กรมเจ้าท่า” ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการเร่งกู้เรือฟีนิกซ์ เพราะเรือกีดขวางเส้นทางการเดินเรือ ก็ไม่เคยติดต่อประสานมา

ทั้งที่ก่อนหน้านี้กรมเจ้าท่ายังว่าจ้างบริษัทอื่นมาดำเนินการกู้เรือแต่ก็ไม่สำเร็จ ในขณะที่ซีเครสท์มารีนเป็นผู้กู้ซากเรือได้สำเร็จ แต่ไม่ได้รับการจ่ายค่าดำเนินงาน หรือติดต่อพูดคุยอะไร บริษัทฯ จึงคาดหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาเจรจาและหาทางออกเรื่องนี้ด้วยกัน โดยเสนอว่าอย่างน้อยควรได้รับเงิน 10 ล้านบาท ที่กรมเจ้าท่าเคยมีงบประมาณสำหรับการกู้เรือครั้งแรกที่ไม่สำเร็จ หรือสามารถเจรจาหาทางออกร่วมกันในวิธีอื่น บริษัทฯ เพียงอยากขอความกรุณาให้รัฐบาลดำเนินการเร่งชำระเงินค่ากู้ซากเรือฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐมาประสานบริษัทฯ ให้ไปช่วยเหลือ

“ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครติดต่อผมเลย ไม่มีใครอยากจะจ่ายตังค์ผมเลย หนังสือขอบคุณก็ไม่มี หนังสือชมเชยก็ไม่มี อะไรก็ไม่มีซักอย่าง อยากให้รัฐบาลเห็นใจเอกชนบ้าง การกระทำของรัฐบาลแบบนี้ไม่แฟร์ ต่อเอกชนที่เข้ามาช่วยเหลือประเทศในยามวิกฤต” นายธนภัทร กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับการดำเนินการของ “ซีเครสท์ มารีน” ในภารกิจกู้ซากเรือฟีนิกซ์ มีรายละเอียดดังนี้

1.วางแผนจัดการกู้ซากเรือฟีนิกซ์

2. ติดต่อว่าจ้างเรือ CRANE ขนาดกำลังยก 1,000 MT ชื่อ HONG BUNG เป็นเรือสัญชาติจีนที่ใช้ทำงานอยู่กับบริษัท INTRAPORTS MARINE ประเทศสิงคโปร์

3. ติดต่อว่าจ้างนักประดาน้ำต่างชาติ และนักประดาน้ำชาวไทย พร้อมอุปกรณ์ดำน้ำน้ำ ชนิดไนตรอกซ์ (Nitrox), ชุดดำน้ำลึก 45 เมตร และชุดระบบกว้านสลิงขึ้นเรือ ซึ่งสามารถดำได้ลึกถึง 45 เมตร (เท่ากับความลึกของซากเรือฟีนิกซ์ที่จมอยู่)

4. จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เชือกแบบพิเศษ SPREADER BARS, U-Bofts, ปั๊มน้ำประมาณ 20 ชุดเครื่อง และอื่นๆ

5. เรือ Barge เพื่อตั้งสำนักงานลอยน้ำสำหรับวางแผนสั่งการ, เก็บพักอุปกรณ์กู้เรือวาง DECOMPRESSION CHAMBER, อุปกรณ์ปฐมพยาบาล, ที่พักสำหรับนักประดาน้ำ และอื่นๆ

6. เรือลากจูง สำหรับลากจูงซากเรือฟีนิกซ์เข้าฝั่ง