‘พิชัย’ เร่งแก้อุปสรรคดึงลงทุน เพิ่มพลังงานสะอาด – แรงงานฝีมือ  

‘พิชัย’ เร่งแก้อุปสรรคดึงลงทุน  เพิ่มพลังงานสะอาด – แรงงานฝีมือ  

ไทยเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ด้วยแผนรองรับพลังงานสะอาดและแรงงานทักษะ ผ่านเวทีหารือระดับสูงและ MOU กับผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ

KEY

POINTS

  • พิชัย รมว.คลังเผย นักลงทุนต่างชาติชี้ 2 อุปสรรคหลักในการขยายการลงทุนในไทย คือ ความต้องการพลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพและราคาเหมาะสม และการขาดแคลนแรงงานฝีมือ
  • ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาโดยเตรียมขยายโควต้าการซื้อขายไฟฟ้าสะอาด (Utility Green Tariff) เพิ่มเป็น 4,800 เมกะวัตต์ภายใน 2 ปี เพื่อดึงดูดนักลงทุน
  • มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาหลักสูตรและผลิตกำลังคนระดับอาชีวศึกษาให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย 

 หลังจากมีความชัดเจนในระดับหนึ่งเรื่องอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่สหรัฐเรียกเก็บจากไทยในอัตรา 19% สำหรับสินค้าที่ส่งไปสหรัฐซึ่งใกล้เคียงกับในหลายประเทศในภูมิภาค ทำให้ประเทศไทยไม่อยู่ในสถานะเสียเปรียบคู่แข่ง ยังสามารถดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศ เมื่อเทียบจากอัตราภาษีสินค้าที่ส่งออกจากไทยไปยังสหรัฐ             

 ในสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลจึงจัดงานใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ก่อนหน้านี้อาจยังลังเลและตัดสินใจในการลงทุนว่าจะมาในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งมีการจัดสองงานในวันเดียวกันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรวมทั้งตอบคำถามเรื่องความพร้อมในการดึงดูดการลงทุนของประเทศไทย

โดยในวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาได้มีการจัดงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future - Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” รัฐบาลได้เชิญผู้บริหารบริษัทเอกชนกว่า 30 บริษัททั้งไทยและต่างประเทศในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่มีการลงทุนในไทยกว่า 5.5 แสนล้านบาท และจ้างงาน 5.3 หมื่นคน

ขณะที่อีกงานหนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำระดับโลก 6 ราย มีเงินลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่าในการหารือกับนักลงทุนต่างประเทศในหลายสาขาที่มีการลงทุน และต้องการขยายการลงทุนในไทย ในหลายสาขาทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ไบโอเทคโนโลยี โดยมีการแลกเปลี่ยนกับนักลงทุน โดยเกือบทั้งหมดยินดีอยากลงทุนในไทย

ส่วนมีปัญหาติดขัดอยู่บ้างก็คือที่นักลงทุนอยากให้ลงทุน เรื่องของไฟฟ้าที่มีแหล่งผลิตมาจากแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอ และมีความสม่ำเสมอในการจ่ายไฟฟ้า เชื่อถือได้ และราคาไม่แพงจนมากเกินไปนัก

อีกเรื่องหนึ่งคือต้องการแรงงานที่มีทักษะตรงกับที่อุตสาหกรรมเป้าหมายต้องการ โดยพร้อมที่จะช่วยฝึกอบรม และถ่ายทอดทักษะความรู้ที่จำเป็นให้กับเด็กไทย ให้สามารถที่จะทำงานในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้ ซึ่งต้องมีการจับคู่ ตั้งแต่ในระดับอาชีวะศึกษาเพื่อเป็นแรงงานที่จะป้อนให้กับอุตสาหกรรมเหล่านี้ต่อไป

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนไฟฟ้าสะอาดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสะอาด 100% (RE100) ถือเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจและใช้ในการตัดสินในมาลงทุนในประเทศไทย

โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้สนับสนุนแนวทางนี้ให้กับนักลงทุนโดยกำหนดเกณฑ์ในการซื้อไฟฟ้าสะอาด (Utility Green Tariff) โดยในเฟสที่ 1 ได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าในเงื่อนไขนี้ไปแล้วกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ส่วนในเฟสที่ 2 จะขยายเพิ่มเป็น 4,800 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 2 ปีเพื่อให้ทันกับความต้องการใช้ไฟฟ้า RE100 ของภาคเอกชนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนจะเน้นในพื้นที่ใดสามารถที่จะสร้างแหล่งพลังงานสะอาด เช่น ลม แสงอาทิตย์ เป็นต้น

สำหรับเรื่องของการแก้ไขปัญหาเรืองการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเป้าหมาย  ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งในการ MOU  ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และบีโอไอ กับภาคเอกชน ในสาขาผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำระดับโลก 6 ราย ที่มีเงินลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม

โดยความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานทันที 1,880 อัตรา รวมกันไม่น้อยกว่า 3,000 อัตราภายใน 5 ปี เกิดการพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถานศึกษาอาชีวศึกษาและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการผลิตแรงงานให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม