นักวิชาการ เทียบดีลภาษีสหรัฐไทย-เวียดนาม ไทยเจอแข่งขันสูง เสี่ยงโดนภาษีสวมสิทธิ

“อัทธ์ พิศาลวานิช “ เปิดผลศึกษา สหรัฐฯ เก็บภาษีเวียดนาม 20% ขณะที่ไทยปิดดีล 19 % ส่วนต่าง 1 % เผยไทย-เวียดนาม แข่งขันดุในตลาดสหรัฐ เหตุสินค้าส่งออกทับไลน์กัน บวกสินค้าเวียดนามราคาถูกกว่าไทย ชี้ ไทยมีโอกาสโดนภาษีสวมสิทธิ 40% คาด 5 เดือนที่เหลือของปีส่งออกไทย ลดลงไป190,575 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ของการส่งออกรวมของไทย
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยว่า ตนได้ทำการวิเคราะห์ดีลภาษีสหรัฐของไทยกับเวียดนามถึงผลกระทบต่อการส่งออกไทยไปสหรัฐ โดยเวียดนามกับสหรัฐฯ จบดีลการค้า โดยสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าทั่วไปเวียดนาม 20% และ 40% สินค้าสวมสิทธิ ส่วนเวียดนามเปิดตลาดสินค้า 0% ให้สินค้าสหรัฐฯ มีการซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์ และซื้อเครื่องบิน Boeing จำนวน 50 ลำ มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ ปี 2024 เวียดนามส่งออกไปสหรัฐฯ 136.6 พันล้านดอลลาร์ (สัดส่วน 30 ของการส่งออกรวมเวียดนาม) นำเข้า 13.1 พันล้านดอลลาร์เวียดนามได้ดุลการค้า 123.5 พันล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกเวียดนามไปสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูงสุดคือ “คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ โทรศัพท์และอุปกรณ์ ชิป และเก้าอี้สำนักงาน และเฟอร์นิเจอร์” คิดเป็น 36% ของการส่งออกทั้งหมดไปสหรัฐฯ
ขณะที่ไทยจบดีลการค้ากับสหรัฐโดยถูกเก็บภาษี 19 % น้อยกว่าเวียดนาม 1 % ซึ่งไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง 5 อันดับแรกคือ “โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ยางล้อรถยนต์ ชิป และหม้อแปลงไฟฟ้า” คิดเป็น 39% ของการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าสินค้าส่งออกเวียดนามกับไทย “ทับไลน์” กันในตลาดสหรัฐฯ หลายรายการ ที่น่าสนใจคือ สินค้าเวียดนามส่วนใหญ่มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ สูงกว่าไทย เฉลี่ยส่วนแบ่งตลาดเวียดนามอยู่ที่ 72% และส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยอยู่ที่ 28% ทำให้สินค้าเวียดนามแข่งดุกับสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ
นายอัทธ์ กล่าวว่า ในจำนวนมูลค่าสินค้าเวียดนามที่ส่งไปสหรัฐฯ นายปีเตอร์ นาโวโร ที่ปรึกษาทางการค้าทรัมป์ ระบุว่า สินค้าส่งออกเวียดนาม 30% เป็นสินค้าสวมสิทธิ ในขณะที่ Techcombank ธนาคารสัญชาติเวียดนาม (Hanoi, 03/07/2025) ระบุมีสัดส่วนเพียง 17% ปี 2024 จีนส่งออกเครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าไปเวียดนาม เพิ่มเป็น 77 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 27 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 48% เพิ่มจาก คิดเป็น 17% ของการส่งออกจีนไปเวียดนาม
ขณะเดียวกันเวียดนามส่งออก เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าไปสหรัฐฯ มูลค่า 45 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 6 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 41% เพิ่มจาก 5% ของการส่งออกเวียดนามไปสหรัฐ เมื่อเวียดนามส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น พบว่ามีการนำเข้าสินค้าเพิ่มจากจีนเช่นกัน สินค้าไทยหลายรายการก็มีทิศทางและรูปแบบเหมือนกับสินค้าเวียดนามที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ทำให้มี “โอกาสสูงที่สินค้าไทยเจอภาษีสวมสิทธิ 40% เหมือนสินค้าเวียดนาม
นายอัทธ์ กล่าวว่า สำหรับ 24 สินค้าส่งออกหลักของไทยกับเวียดนามที่ส่งไปขายในตลาดสหรัฐฯ ใช้ข้อมูลปี 2024 ไทยคิดเป็นสัดส่วน 53% ของการส่งออกไทยทั้งหมดไปสหรัฐฯ และเวียดนามคิดเป็น 65% ของการส่งออกเวียดนามไปสหรัฐฯ “ส่วนแบ่งตลาดโดยรวม เวียดนาม 72% ไทย 28%” โดยเวียดนามมีต้นทุนแรงงานเวียดนามถูกกว่าไทย 18-25% ราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าเวียดนามถูกกว่าไทย 10-15% ทำให้ราคาสินค้าเวียดนามถูกกว่าไทย 5-10% ส่งผลต่อการทดแทนระหว่างสินค้าไทยกับเวียดนาม
“ผลการศึกษาพบว่าผลกระทบจากภาษีทรัมป์ทำให้การส่งออกเวียดนามลดลง 18,909 ล้านดอลลาร์ และไทยลดลง 8,161 ล้านดอลลาร์ เมื่อรวมถึงผลกระทบสินค้าทดแทนระหว่างไทยกับเวียดนาม ทำให้ทั้งปี มูลค่าการส่งออกไทยลดลง 457,380 ล้านบาท และทำให้การส่งออกไทยกับเวลาที่เหลืออีก 5 เดือน (ส.ค.-ธ.ค. 2568) ลดลงไป190,575 ล้านบาท คิดเป็น 1.9% ของการส่งออกรวมของไทย”นายอัทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลเร่งวางยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการจัดการสินค้าสวมสิทธิและสินค้าที่ใช้แหล่งกำเนิดสินค้าภายในประเทศไทยต่ำกว่า 40% นอกจากนี้ร่วมมือกับ USTR ในการจัดทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าสวมสิทธิ ที่เรียกว่า “Digital Traceability” สร้างห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมไทยใหม่ ที่สามารถกระจายและเชื่อมโยงกับตลาดอื่น และยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดสหรัฐฯ ไม่ให้ลดลง ปรับโครงสร้างภาคการผลิตอย่างยิ่งจริงจัง โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมตามเทรนด์โลก และสร้างระเบียบการลงทุนใหม่ ที่กำหนดให้ทุนต่างชาติเชื่อมโยงและใช้วัสดุจาก SMEs และเกษตรกรไทย ให้เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี







