กยศ. พร้อมจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 2 ปี 68 วงเงิน 8,488 ล้าน หนุนพัฒนาทุนมนุษย์

กยศ. พร้อมจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 2 ปี 68 วงเงิน 8,488 ล้าน หนุนพัฒนาทุนมนุษย์

กยศ. เดินหน้าจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 2 ปี 2568 วงเงิน 8,488 ล้านบาท หนุนพัฒนาทุนมนุษย์ กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่การศึกษา

นางสาวนันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ. ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2568 จำนวน 8,488 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 2 สำหรับปีการศึกษา 2568 โดยจะครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ ให้กับนักเรียน/นักศึกษาทั้งรายเก่าและรายใหม่

งบประมาณที่ได้รับการอนุมัตินี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือการช่วยให้นักเรียน/นักศึกษาได้ศึกษาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุด นอกจากนี้ การปล่อยเงินกู้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น เนื่องจากเงินทุนจะถูกนำไปใช้จ่ายในพื้นที่โดยรอบสถานศึกษา ซึ่งช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

กยศ. จะเร่งดำเนินการปล่อยกู้ให้เร็วที่สุด เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาทุนมนุษย์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากนี้ กยศ. ยังได้ ขยายระยะเวลาเปิดระบบให้กู้ยืมสำหรับปีการศึกษา 2568 เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่นักเรียน/นักศึกษาและสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ กยศ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 3,100 ล้านบาท ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2568 สำหรับการจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 1 ของปีการศึกษา 2568 โดยเน้นผู้กู้ยืมรายใหม่ที่เรียนในสาขาวิชาที่ขาดแคลนและเป็นที่ต้องการหลักของประเทศ ในหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) สำหรับหลักสูตรระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี ให้กู้ยืมในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ Semiconductors & Quantum ประเภท Artificial Intelligence (AI) ประเภท Electric Vehicle (EV) รวมถึงหลักสูตรด้านการเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming)

และจัดสรรให้เฉพาะสถานศึกษาที่มีผลการกู้ปีที่ผ่านมา หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ และหลักสูตรแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เป็นลำดับแรก