พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อเดือนก.ค.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด

สนค.เผย ราคาพลังงาน ผักสด ลดลง ดึง เงินเฟ้อเดือน ก.ค.ติดลบ 0.70 % คาดเดือนส.ค.ยังลงต่อ ยันยังไม่เข้าภาวะเงินฝืด คงเป้าเงินเฟ้อทั้งปี 0.0 – 1.0% ค่ากลาง 0.5% ก่อนทบทวนอีกครั้ง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปหรือเงินเฟ้อเดือนก.ค. ติดลบ 0.70 % โดยปัจจัยหลักมาจากการลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าในกลุ่มผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
โดยเงินเฟ้อเดือน ก.ค.ที่ติดลบ0.70 % มาจาก หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.72 % จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่ากระแสไฟฟ้า) ของใช้ส่วนบุคคล (ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว โฟมล้างหน้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย แชมพู สบู่ถูตัว) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (น้ำยารีดผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ) และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ) ขณะที่มีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ค่าเช่าบ้าน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และค่าอาหารสัตว์เลี้ยง
หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้น 0.84 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ
กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว) กลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ (เนื้อสุกร ปลาทู ปลานิล) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) น้ำอัดลม) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (กะทิสำเร็จรูป มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) น้ำพริกแกง น้ำมันพืช) และกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำตาล (ขนมหวาน ไอศกรีม น้ำตาลมะพร้าว) อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง โดยเฉพาะไข่ไก่ ผลไม้สด (ทุเรียน ส้มเขียวหวาน เงาะ มะม่วง มังคุด) ผักสด (กะหล่ำปลี มะเขือ ขิง ฟักทอง มะนาว แตงกวา ฟักเขียว ต้นหอม) และอาหารโทรสั่ง (Delivery)
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) เพิ่มขึ้น 0.84 % )ชะลอลงจากเดือนมิ.ย. 2568 ที่สูงขึ้น 1.06 % ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค. – ก.ค.) ของปี 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปี 2567 สูงขึ้น 0.21 %
“เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แต่ยังไม่เข้าภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อที่ลดลงมาจากราคาพลังงานที่ลดลง ซึ่งราคาพลังงานมีสัดส่วนสูงในตะกร้าเงินเฟ้อ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานก็ยังคงขยายตัว ส่วนเงินเฟ้อในเดือนส.ค.คาดว่ายังคงลดลงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก.ค.”นายพูนพงษ์ กล่าว
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนส.ค.2568 คาดว่าจะอยู่ระดับต่ำเช่นเดียวกันกับเดือนก.ค. 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และความตึงเครียดจากความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft
งวดเดือนพ.ค. – ส.ค. 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบ
มากขึ้น และ ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวลดลง ตามสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวต่าง ๆ ประกอบกับผู้ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง สำหรับ
ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมันพืช และเนื้อสุกร และ อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs) ต่อประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเป็นอัตราที่ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0% ค่ากลาง 0.5% แต่อาจมีการทบทวนอีกครั้งซึ่งจะขอดูความชัดเจนก่อน







