‘คลัง’ อุ้มเกษตรกร - กลุ่มเปราะบาง ลุยเยียวยาภาษีทรัมป์ 2.5 หมื่นล้าน

‘คลัง’ อุ้มเกษตรกร - กลุ่มเปราะบาง ลุยเยียวยาภาษีทรัมป์ 2.5 หมื่นล้าน

“คลัง” ถกหน่วยงานเกี่ยวข้องเสนอแผนใช้เงินเยียวยาผลกระทบภาษีสหรัฐ จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือ 2.5 หมื่นล้าน เร่งสรุป ส.ค.นี้ อนุมัติให้ทัน ก.ย.ด้าน ครม.เคาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.85 หมื่นล้านบาท รับมือภาษีสหรัฐ “จุลพันธ์” ชี้เตรียมดูแลกลุ่มสินค้าเกษตร และภาคส่วนที่เปราะบาง “ภูมิธรรม” ชี้รัฐบาลเร่งทำซอฟต์โลน - พักชำระหนี้ ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร

หลังจากไทยมีความชัดเจนแล้วว่าสหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% และรับทราบผลกระทบเบื้องต้นแล้ว ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจะต้องเร่งยื่นของบประมาณสนับสนุนการเยียวยามายังกระทรวงการคลัง ภายในเดือน ส.ค.2568 เพื่ออนุมัติงบประมาณให้ทันภายในเดือนก.ย.2568 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ราว 25,000 ล้านบาท โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเร่งทำรายละเอียดมากระทรวงการคลัง เพื่อนำเข้าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนเสนอคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 5 ส.ค.2568 เห็นชอบตามข้อเสนอคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เสนอขอรับจัดสรรโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการระยะที่ 2 จำนวน 2 โครงการ วงเงิน 18,488 ล้านบาท จากวงเงินทั้งสิ้น 157,000 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน) 10,000 ล้านบาท เพื่อดึงดูด และรักษาการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น การเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ การท่องเที่ยวระดับคุณภาพ การแพทย์ครบวงจร อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และหุ่นยนต์เศรษฐกิจหมุนเวียน

2.โครงการ การลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวในปี 2568 ให้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) วงเงิน 8,488 ล้านบาท เพื่อให้นักเรียน และนักศึกษากู้ยืมเงินทั้งผู้กู้รายใหม่ และรายเก่ารวม 139,481 ราย นำไปใช้เป็นค่าของชีพ และค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นระหว่างการครองชีพระหว่างการศึกษาเพื่อได้ศึกษาต่อเนื่อง 

เหลืองบ 2.5 หมื่นล้าน เยียวยาภาษีทรัมป์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีงบประมาณที่เหลือสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับบริบททางเศรษฐกิจ และผลจากข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น การเจรจาภาษีสหรัฐ ซึ่งไทยได้รับอัตราภาษีจากสหรัฐ 19% ซึ่งต้องดูแลกลุ่มสินค้าเกษตร และบางภาคส่วนที่ยังเปราะบาง

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า งบที่เหลือดังกล่าวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำไปใช้ในโครงการเยียวยาหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดกรอบชัดเจน อย่างไรก็ตาม วันนี้ ครม. ยังได้พิจารณามาตรการเยียวยาในส่วนของเหตุการณ์ชายแดนเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งที่ ครม.รับทราบ Joint Statement หรือถ้อยแถลงร่วมกับรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ตามขั้นตอนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการดำเนินงานในรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละหน่วยงาน เช่น ศุลกากร และการจัดทำข้อตกลงให้สอดคล้องกัน ก่อนที่จะนำเข้าสู่ขั้นตอนการลงนามอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ล่าสุดการที่ไทยได้รับอัตราภาษีจากสหรัฐระดับ 19% ถือเป็นข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม แม้ยังต้องดูแลกลุ่มสินค้าเกษตร และบางภาคส่วนที่ยังเปราะบาง

“แม้ Joint Statement ผ่าน ครม.แล้วแต่ต้องจัดทำรายละเอียดให้ครบเนื่องจากบางส่วนอาจเข้าข่ายมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ จึงต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งสุดท้ายอาจต้องเสนอเข้าสภาโดยรวมทั้งหมด ในตอนนี้ยังไม่กำหนดแน่ชัดว่าการลงนามในถ้อยแถลงร่วมจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขึ้นกับความพร้อมของรายละเอียดแต่ละภาคส่วน” นายจุลพันธ์ กล่าว

รัฐบาลเร่งออกซอฟต์โลนรับมือภาษี

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การที่ไทยต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าดำเนินการรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ รัฐบาลทราบดีว่า การเปลี่ยนแปลงกติกา และโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก ย่อมทำให้ทุกประเทศต้องมีการปรับตัว ดังนั้น รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุน และรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่ และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง

“พาณิชย์” ตั้ง One stop service

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงมาตรการรับมือภายหลังสหรัฐอเมริกา ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าของไทย 19% โดยระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์จะมีการตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service ที่ศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ ถนนรัชดาภิเษก ในวันที่ 7 ส.ค.68 นี้ เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำ ช่วยแก้ปัญหาการส่งออก และช่วยผลักดันการส่งออกให้กับผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของภาคเกษตร และ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้

อีกทั้งกระทรวงฯ จะเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ เกี่ยวกับการรับมือระยะยาว ซึ่งสิ่งสำคัญสุด คือ การลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ และภาคการเกษตร เช่น ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง โดยจะสนับสนุนเกี่ยวกับการลดต้นทุนผ่านโครงการสินค้าธงเขียว 

“เรื่องเงินทุนที่จะมาช่วยผู้ประกอบการจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือเงินช่วยหรือเปล่า คงต้องมีการดูในหลายมิติ รวมทั้งเรื่องการนำเข้าหมู ก็ต้องดูในรายละเอียดอีก เราต้องคุยกับสหรัฐ ไม่ใช่ว่าสหรัฐประกาศออกมาที่ 19% แล้วจะจบเลย แต่จะมีการพูดคุยกันในแต่ละไอเท็มต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะจบภายในวันหรือ 2 วัน สินค้าแต่ละชนิดจะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เข้าสภาฯ ซึ่งมีเงื่อนไขอื่นๆ อีก”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์