ส.อ.ท. คลายกังวลภาษีทรัมป์ มองบาทแข็งระยะสั้น มั่นใจส่งออกยังแข่งได้

“ส.อ.ท.” ชี้ ภาคเอกชนคลายกังวลเรื่องภาษีสหรัฐฯ ส่งผลให้ “ค่าเงินบาทแข็งค่า” คาดการณ์อาจอยู่ในระยะสั้น ต้องจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด เผยภาคเอกชนโล่งอก หลังตัวเลขภาษีสหรัฐฯ ไม่แย่กว่าที่คาด มั่นใจส่งออก-FDI แข่งได้
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” กรณีที่ค่าเงินบาทแข็งค่าสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดเดาว่า เมื่อสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับประเทศไทยแล้ว น่าจะอ่อนค่าลงนั้น นายเกรียงไกรกล่าวว่า หลังจากประกาศภาษี ทุกคนก็โล่งอก เพราะมองว่าตัวเลขที่ออกมาไม่ได้แย่เหมือนที่กังวลแต่แรก โดยเฉพาะเรื่องที่ห่วงว่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคแล้วเราจะสู้เขาไม่ได้
ทั้งนี้ เมื่อผลของการเจรจาและตัวเลขภาษีที่ไทยโดนเก็บอยู่ที่ 19% ออกมา ทางภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ส.อ.ท. ต่างก็พูดตรงกันว่าไทยสามารถแข่งขันได้ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทของเราไม่ลดลง แต่กลับแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งในช่วงสั้นๆ ที่สร้างความเชื่อมั่นและสะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขออกมาดี เพราะอัตราภาษีของเราอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค (ไม่นับสิงคโปร์) โดยประเทศไทยอยู่ที่ 19% เท่ากับอินโดนีเซีย ซึ่งต่ำกว่าเวียดนามที่ 20%
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่สะท้อนความเชื่อมั่นในภาคเศรษฐกิจของไทยเพิ่มขึ้น ไม่ได้แย่เหมือนที่กังวลในตอนแรก ซึ่งความกังวลหลักๆ มี 2 เรื่องคือ
1. จะเจรจาได้ทันวันที่ 1 สิงหาคม 2568 หรือไม่ และ
2. อัตราภาษีของเราจะสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาคหรือไม่
ดังนั้น เมื่อทั้ง 2 เรื่องออกมาทันเวลาและอยู่ในอัตราที่น่าพอใจและสามารถแข่งขันได้ ภาคเอกชนจึงออกมาขานรับด้วยความพอใจ เชื่อว่าจะทำให้การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ยังคงแข่งขันได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน และที่สำคัญคือเรื่องการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ตอนแรกกังวลว่าหากอัตราภาษีของไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อาจมีการย้ายฐานการผลิตในอนาคตได้ แต่เมื่อตอนนี้ FDI ออกมานิ่งขึ้น ก็ทำให้มั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนในระยะสั้น ดังนั้นจึงต้องดูผลในระยะยาวต่อไปตามกลไกเศรษฐกิจ







