สสว. อัดซอฟต์โลน 2.7 พันล้าน เร่งเอสเอ็มอี ‘ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ’

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อัดซอฟต์โลน 2.7 พันล้านบาท เร่งขับเคลื่อน "เอสเอ็มอี" ไทย "ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ"
สถานการณ์เอสเอ็มอีในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีทิศทางชะลอตัว โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) เดือนมิ.ย.2568 ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ระดับฐานที่ 50.0 สะท้อนเศรษฐกิจจริงอยู่ภาวะอ่อนแอกว่าที่ผู้ประกอบการประเมินไว้
ทั้งนี้ มีปัจจัยเสี่ยงจากอุปสงค์ไม่ฟื้นเต็มที่ โดยเฉพาะการชะลอตัวของกำลังซื้อที่ทำให้เห็นการระมัดระวังการใช้จ่ายหมวดสินค้าที่ไม่จำเป็น ขณะที่ผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคการผลิตเพื่อการส่งออกต่อเนื่อง อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว ยิ่งจำกัดโอกาสสร้างรายได้ของภาคธุรกิจ และขาดปัจจัยสนับสนุนที่เพียงพอต่อการฟื้นตัวในระยะนี้
ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าคาดว่าอยู่ที่ระดับ 52.2 ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง สะท้อนความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่สูง ซึ่งผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่นในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าอย่างแม่นยำ และส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มระมัดระวังการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจยังคงมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่องจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งจะมีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ในเดือนก.ค.2568 ที่อาจต่ำกว่าระดับฐานที่ 50.0 ซึ่งเป็นระดับที่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นางอภิรดี ขาวเธียร รองผู้อำนวยการ สสว.เปิดเผยกับสื่อเครือเนชั่น ว่า สสว.ได้เตรียมนโยบายใหม่ในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) อัตรา 1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ สสว.ได้จากการสำรวจความเห็น SME ต่อมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐด้านซอฟต์โลนในอัตราดอกเบี้ยที่ต้องการ และสนใจเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ
สำหรับมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการรองรับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และผลกระทบทางเศรษฐกิจผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม รวม 3 มาตรการ รวมวงเงิน 2,700 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำรองรับการทรานส์ฟอร์มธุรกิจในด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) วงเงิน 1,000 ล้านบาท
2. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำรองรับการขยายธุรกิจ วงเงิน 1,000 ล้านบาท
3. สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันวงเงิน 700 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อในลักษณะเงินทุนหมุนเวียน หรือ Working Capital
ทั้งนี้ ในการพิจารณาให้สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะมีการตรวจสอบแผนธุรกิจอย่างเข้มงวด และสนับสนุนสินเชื่อให้ SME ตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในอัตราต่ำ
ในขณะที่มาตรการช่วยเหลือ และสนับสนุน SME ที่ สสว.กำลังดำเนินการนับจากนี้ไปจะเป็นลักษณะ Custommize เพิ่มมากขึ้น โดยมาตรการออกแบบมาเป็นการทั่วไปจะไม่ตอบโจทย์การช่วยเหลือ และการพัฒนาผู้ประกอบการได้ตรงจุดทั้งหมด ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบมาตรการช่วยเหลือที่เป็นลักษณะเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการในบางกลุ่ม
สำหรับการออกแบบมาตรการช่วยเหลือในลักษณะดังกล่าวจะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่มีโครงการหรือแผนงานช่วยเหลือ SME และสนับสนุนการเข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐก่อน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจตัวโครงการที่เข้าไปช่วยเหลือในแต่ละรูปแบบ เช่น การอบรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ แนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เป็นการสนับสนุนเงินสำหรับเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจจะใช้แนวทางการให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไปก่อน และหลังจากนั้น สสว.จะเข้าไปช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยมีหลักการให้ตามขนาดของธุรกิจในอัตรา 50-80% ซึ่งธุรกิจที่มีขนาดเล็กจะได้รับการสนับสนุนมากกว่า
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือดังกล่าวอยู่ในรูปแบบ Co pay ซึ่งต่างจากเดิมที่กำหนดเป็นมาตรการขึ้นมาใช้กับผู้ประกอบการทั่วไป โดยผู้ประกอบการจะมีเมนูให้เลือกว่าต้องการให้ สสว.ช่วยเหลือด้านไหน และ สสว.จะออกแบบแผนการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการแต่ละราย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อมสามารถทรานส์ฟอร์มธุรกิจได้
นอกจากนี้ สสว.มีแผนที่จะสนับสนุน SME ด้านการตลาดผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ โดย สสว.คงไม่สนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ของประเทศไทย แต่จะสนับสนุน SME ทำการตลาดผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ด้วยต้นทุนที่ลดต่ำลง โดยสนับสนุนในรูปแบบส่วนลดของการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการสนับสนุนช่องทางจำหน่ายผ่านอินฟลูเอนเซอร์
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการได้มีการพัฒนา SME ID ซึ่งเป็นรหัสประจำตัวของผู้ประกอบการที่เป็นเหมือนหนังสือเดินทางที่ใช้สำหรับการตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับว่าผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลือผ่านโครงการใดบ้าง และเป็นโครงการของหน่วยงานใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีแผนงานสนับสนุน และช่วยเหลือ SME
ทั้งนี้ สสว.จะมีตะกร้าเพื่อคัดกรองผู้ประกอบการเพื่อออกแบบแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ตรงจุด โดยประมวลจากข้อมูลได้จากการตรวจสอบผ่าน SME ID ซึ่งเชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้ สสว.ช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ตรงตามความต้องการและทำให้มาตรการที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการได้เต็มศักยภาพเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ สสว.ได้มีการพัฒนา Ecosystem ของผู้ประกอบการ SME โดยปัจจุบันนิยามของผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อมในภาคการผลิตกำหนดรายได้ต่อปีไว้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ส่วนในภาคบริการกำหนดรายได้ต่อปีไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยที่ผ่านมา สสว.พัฒนาผู้ประกอบการ SME ให้ยกระดับขนาดธุรกิจรายใหญ่ได้ปีละ 1,000 - 2,000 ราย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







