พาณิชย์ วาง 4 แนวทางลดกระทบภาษีทรัมป์ คาดส่งออกทั้งปีโต 5-7%

พาณิชย์ วาง 4 แนวทางลดกระทบภาษีทรัมป์  คาดส่งออกทั้งปีโต 5-7%

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทซ เล็งเอ็มโอยู “พันธมิตรแบงก์-เอกชน “ ผูกมือ ดันภารกิจลดผลกระทบทรัมป์ เพิ่มงบเอสเอ็มอี ขยายแผนกระตุ้นส่งออก-ศก. 7 ส.ค.นี้ เปิดให้บริการ “ศูนย์ One Stop Service” ที่ศูนย์ส่งออกสินค้า ถนนรัชดาภิเษก มั่นใจส่งออกปี68 แตะ5-7%

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมฯหลังจากสหรัฐประกาศมาตรการภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs)อัตรา 19% ยังทำงานเชิงรุก ทั้งประชุมรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชนและเก็บข้อมูลรอบด้านว่าได้รับผลกระทบอย่างไร ซึ่งในส่วนของการให้ความช่วยเหลือทั้งผลกระทบจากภาษีทรัมป์ เบื้องต้น

1. ได้หารือกับกลุ่มธนาคารผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ(ซอฟต์โลน) 

2. มอบหมายสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ(ทูตพาณิชย์)ทั่วโลก หาตลาดใหม่ๆ และเก็บข้อมูลรายประเทศถึงสถานการณ์และการปรับนำเข้า ส่งออก และลงทุนกำลังเกิดขึ้นในระยะถัดไป 

3.เฝ้าระวังผลกระทบ 2 ด้าน ทั้งสินค้าไทยส่งออกไปสหรัฐ เสียภาษี 19% และ สินค้าสหรัฐที่ส่งมาไทยภาษี0% เรื่องนี้ทีมไทยแลนด์ เตรียมรับผลกระทบจากความต้องการผลักดันสินค้าของสหรัฐหลายรายการมาไทย ทั้งนี้ นังเฝ้าระวังและเข้มงวดในสินค้าสวมสิทธิ สินค้าด้อยคุณภาพ รวมถึง Transshipment หรือสินค้าถ่ายลำสินค้า เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดูแล ซึ่งประเด็นสวมสิทธิเป็นเรื่องที่กังวล ตระหนกและตระหนัก ซึ่งทีมเจรจาคุยกันมาตลอด และเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งจากนี้จะมีมาตรการที่เตรียมไว้ออกมาต่อเนื่อง 

4.กรมจะมีการทบทวนและปรับระเบียบและเพิ่มเติมโครงการช่วยเหลือ ส่งเสริม และ กระตุ้นเศรฐกิจ เริ่มด้วยวันที่  7 ส.ค.นี้ เปิดให้บริการ “ศูนย์ One Stop Service” ที่ศูนย์ส่งออกสินค้า ถนนรัชดาภิเษก ศูนย์รวมทุกหน่วยงานด้านให้ใบอนุญาต ให้คำปรึกษา ยื่นขอสินเชื่อ และโชว์รูมย่อยของหน่วยงานและสินค้าเด่น  กำลังเร่งเพิ่มมาตรการหรือโครงการให้ความช่วยเหลือในการเปิดตลาดส่งออก 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กรมฯได้รับจัดสรรงบ 50 ล้านจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกรอบ1.15 แสนล้านบาท และกำลังรวบรวมข้อมูลความต้องการและผลกระทบจากภาคเอกชนว่าต้องการให้เพิ่มเติมอะไรอีก ก็จะรวบรวมและจัดนำแพคเกจพิเศษ เสนอ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบ เพื่อเสนอเข้าครม.และบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่อไป

รวมถึงจะปรับเงื่อนไขของบประมาณสนับสนุนโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่กรมมีโครงการSMEs Pro-active เดิมให้งบสนับสนุนเปิดตลาดส่งออกของเอสเอ็มอีสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท อาจต้องปรับเพิ่ม ตามนำ้หนักของความเดือดร้อน และปรับเพิ่มโครงการอบรมให้องค์ความรู้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หลังภาษีทรัมป์ 

“ ได้รับมอบนโยบายจากท่านรมว.พาณิชย์ ให้รวบรวมพันธมิตรและภารกิจ รวมถึงเป้าหมายการทำงาน ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดลงนามความร่วมมือ เพื่อร่วมกันผลักดันตามภารกิจตามเป้าหมาย โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อลงนามให้เร็วที่สุด หรือไม่เกินกลางเดือนส.ค.นี้ “น.ส.สุนันทา กล่าว

น.ส.สุนันทา กล่าวถึงสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)คาดปี2568 ไทยส่งออกขยายตัวได้5-7% นั้น มั่นใจโอกาสส่งออกตัวเลข 5-7% มีสูง ด้วยเหตุผล 1. ภาษีนำเข้าสินค้าไทยสหรัฐเก็บ 19% นั้น เมื่อถามผู้นำเข้าสินค้าไทยในสหรัฐฯ และ ผู้ส่งออก ระบุพอใจ และ รับได้ เพราะเป็นอัตราไม่แตกต่างกันในภูมิภาค ภาพรวมส่งออกไปสหรัฐปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่แข่งขันได้ยากขึ้น 2.เริ่มเห็นสัญญาณตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้น ดูจางานแมชชิ่งที่กรมจัดเจรจาทางธุรกิจ ระหว่าง 156 บริษัทจาก  29 ประเทศกับบริษัทไทย มีประเทศกลุ่มแอฟริกา เข้าเจรจาสูงกว่าหลายครั้งที่จัดงาน บางประเทศไม่เคยร่วมก็มาร่วม เช่น เคนยา 3. การปรับตัวของภาคเอกชน  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าส่งออกปีนี้ขยายตัว 2-3 % 

น.ส.สุนันทา กล่าวว่า ส่วนผลกระทบการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา กรมฯติดตามใกล้ชิด จากรายงานการค้าไทยกับกัมพูชาโดยรวมยังถือว่าปกติ เพียงต้องปรับเส้นทางขนส่งสินค้า ผ่านทางเรือที่แหลมฉบัง และ ส่งผ่านแดนประเทศลาว ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการประสบปัญหาต้นทุนขนส่งสูงและอาจเจอปัญหาสภาพคล่อง เบื้องต้นได้หารือกลุ่มธนาคารออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ อาทิ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank) เตรียมงบ1 หมื่นล้านบาท ช่วยธุรกิจด้านขนส่ง รวมถึงช่วยเหลือผู้ส่งออกอาจขาดสภาพคล่องขนส่งหลังภาษีทรัมป์