ดีลภาษี-ชายแดนกัมพูชาทุกความขัดแย้งใช้การเจรจา

สัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนและผู้กำหนดนโยบายของไทยต้องปวดหัวไม่น้อยกับสองเรื่องที่มาบรรจบกันโดยไม่ได้นัดหมาย เริ่มตั้งแต่ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่คุกรุ่น (รอบใหม่) มาตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. รุนแรงอีกครั้งในวันที่ 24 ก.ค.
ต่างฝ่ายต่างตอบโต้กันตามศักยภาพที่มีซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของความขัดแย้งติดอาวุธ ก็ต้องซัดกันแบบนี้จนกว่าจะหมดแรงกันไป ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีข้อเรียกร้องหยุดยิงเพื่อไม่ให้ใครต้องสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้
แต่เรื่องเริ่มยากขึ้นเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเข้ามาข้องเกี่ยว ด้วยการยกหูหานายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา และรักษาการนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ของไทย ขอให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ดูเผินๆ มหาอำนาจมาเรียกร้องแบบนี้ก็น่าจะดี จะได้เป็นตัวเร่งให้สองฝ่ายหยุดยิงกันได้เร็วขึ้น แต่ที่ไม่เป็นอย่างนั้นก็เพราะทรัมป์เอาเรื่องภาษีการค้ามาผูกโยงด้วย
เรื่องของเรื่องก็คือทรัมป์ประกาศเก็บภาษีคู่ค้าทั่วโลกสูงลิบลิ่วเมื่อวันที่ 2 เม.ย แต่สัปดาห์ต่อมาก็ระงับไป หันมาเก็บประเทศส่วนใหญ่ในอัตรา 10% ไปพลางๆ ระหว่างรอให้มาทำข้อตกลงการค้ากันใหม่ให้แล้วเสร็จภายในเวลา 90 วัน กล่าวคือภาษีอัตราใหม่จะเริ่มต้นในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ตัวทรัมป์และคนในรัฐบาลวอชิงตันเคยบอกว่า “90 วันจะทำให้ได้ 90 ดีล” แต่กลายเป็นว่า ทำไม่ได้ตามแผน จากนั้นทรัมป์จึงใช้วิธีส่งจดหมายไปแจ้งคู่ค้าหลักๆ ชุดแรก 14 ประเทศ แจ้งอัตราภาษีที่จะเก็บเมื่อถึงเส้นตายแล้วยังไม่บรรลุดีล ต่อมาส่งเพิ่มรวมเป็น 25 ประเทศ
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ (ยกเว้นเวียดนามที่ตกลงกันได้ก่อนหน้านั้น) อยู่ในกลุ่ม 14 ประเทศแรก เจอจดหมายที่ทรัมป์บอกว่า “เป็นข้อตกลงการค้า” โดยตัวเอง ก็ยิ่งทำให้คู่ค้าต้องเร่งยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมหวังปิดดีลก่อน 1 ส.ค. ในกลุ่มอาเซียนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์บรรลุข้อตกลงกับทรัมป์เพิ่มเติมรวมเป็น 3 ประเทศจาก 10 ประเทศ
หากดูภาษีที่ทรัมป์เรียกเก็บนับถึงวันที่ 31 ก.ค. พอจะแยกประเภทได้เป็น 1) กลุ่มเพื่อนสนิทอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป เจออัตรา 15% คาดว่าตัวเลขนี้จะเป็นระดับต่ำสุดของทรัมป์ โดยจะเก็บกับประเทศเล็กๆ อีกมากมายในอัตรานี้ด้วย 2) กลุ่มหลังบ้านจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่ในอัตรา 19-20% 3) กลุ่มมีความไม่พอใจกันอย่างอินเดีย- แคนาดา เก็บแพงขึ้นมาหน่อย 25-35% และ 4) กลุ่มบาดหมางพ่วงไปด้วยกลุ่มบริกส์ อย่างบราซิลเจอถึง 50% ไม่ต้องพูดถึงจีนที่ถูกขู่เก็บภาษีร้อยกว่า % (ตอนนี้อยู่ในช่วงสงบศึก จีนเสียภาษี 55%)
ขณะที่กรุงเทพธุรกิจฉบับนี้อยู่ในมือผู้อ่าน ตัวเลขอัตราภาษีที่ไทยต้องเจอคงประกาศออกมาแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในอัตราเท่าใด 19-20% หรือ 36% อย่างที่ทรัมป์ประกาศไว้ในเดือน เม.ย. ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อน และต้องดำเนินไปเช่นนี้ แต่ทรัมป์ใช้ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชามาเป็นอาวุธต่อรอง ตามประสา The Art of the Deal ชนิดต่างกรรมต่างวาระ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันบอกอยู่แล้วว่า หลัง 1 ส.ค. ก็ยังเจรจากันได้ สรุปว่าความขัดแย้งทุกชนิดล้วนแก้ไขได้ด้วยการเจรจา ซึ่งนั่นเป็นจุดยืนที่ไทยชัดเจนมาโดยตลอด เรื่องนี้เวทีโลกรู้ดี!







