สภาพัฒน์ ดัน ทุนมนุษย์ ยกระดับเศรษฐกิจ บรรจุในแผนพัฒนาฯฉบับที่ 14

สศช.ชี้ ทุนมนุษย์คือหัวใจเศรษฐกิจ เล็งบรรจุแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 14 อุดช่องว่าง ทุกช่วงมิติ หลังดัชนีทุนมนุษย์ไทยอยู่เพียง 0.61 เด็กไทยพัฒนาตัวเองได้แค่ 61% ของศักยภาพ
KEY
POINTS
- สภาพัฒน์ฯ เตรียมนำข้อมูลจากรายงานการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่งจัดทำร่วมกับยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ ไปประกอบการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14
- รายงานชี้ว่าดัชนีทุนมนุษย์ (HCI) ของไทยอยู่ที่ 0.61 สะท้อนว่าเด็กไทยจะมีผลิตภาพเพียง 61% ของศักยภาพสูงสุด ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
- การลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ถูกมองว่าเป็นรากฐานสำคัญที่สุดในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
- ปัญหาหลักที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การหลุดออกจากระบบการศึกษา และการผลิตบัณฑิตที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
วันนี้ (30 ก.ค.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับยูนิเซฟ สหภาพยุโรป (EU) และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) จัดการประชุมเพื่อเผยแพร่รายงาน การพัฒนาทุนมนุษย์ ในประเทศไทย การศึกษาทางเลือกช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่าทุนมนุษย์คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยประชากรที่มีคุณภาพจะนำมาซึ่งการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของชาติในเวทีโลก เป็นพลังขับเคลื่อน นวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ ทั้งยังช่วยลดช่องว่างทางสังคมผ่านการสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในสังคม ตลอดจนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติ สามารถรับมือกับบริบทการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและท้าทายได้อย่างยึดหยุ่นและยั่งยืน
ดังนั้นการลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์อย่างเป็นระบบ จึงมิใช่เป็นเพียงการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว หากแต่เป็นการลงทุนที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เห้เติบโตอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเชิงประจักษ์ผ่านดัชนีทุนมนุษย์ (Human Capital Index: HCI) ล่าสุด พบว่าค่าดัชนีของไทยอยู่ที่ 0.61 ตัวเลขนี้สะท้อนความจริงอันน่ากังวลว่า เด็กไทยคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นจะมีผลิตภาพเพียง 61% ของศักยภาพสูงสุดของพวกเขาเท่านั้น
ช่องว่างดังกล่าวมีรากฐานมาจากปัญหาที่ซับซ้อนหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการหลุดออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควร ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตลอดจนการขาดโอกาสในการศึกษาต่อระดับสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงปิดกั้นอนาคตของเด็กและเยาวชน แต่ยังเป็นอุปสรรคที่ฉุดรังการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยะยาว
รายงานการศึกษาที่ทำร่วมกับยูนิเซฟ และ TDRI ฉบับนี้ จะทำให้ทุกท่านเห็นถึงอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการพัฒนาทุนมนุษย์ของไทยในทุกช่วงวัย ตั้งแต่การสนับสนุนทางการเงินที่ไม่เพียงพอ การขาดกลไกช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบางอย่างตรงจุด มีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ระบบการศึกษาที่ไม่เอื้อให้เด็กค้นพบตนเอง และมีการพัฒนาทักษะที่จำเป็น ไปจนถึงปัญหาการผลิตบัณฑิตที่ไม่สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน
“ความท้าทายเชิงระบบเหล่านี้คือสาเหตหลักที่ประเทศไทยยังไม่ สามารถพัฒนาคนได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยข้อมูลที่ได้รับจากรายงานฉบับนี้จึงเปรียบเสมือนหนึ่งในแผนที่นำทาง ที่นำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อให้เราสามารถวางแผนและกำหนดทิศทางการลงทุนในการพัฒนา ทุนมนุษย์ของชาติได้อย่างมีกลยุทธ์และตรงเป้าหมายข้อมูลในวันนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งสำหรับสภาพัฒน์ที่จะนำไปประกอบการยกร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 เพื่อการวางรากฐานการพัฒนาประเทศต่อไป”
นางคยองซอน คิม ผู้แทนองค์กรยูนิเซฟ แห่งประเทศไทย กล่าวว่าองค์กรสหประชาชาติกำหนดให้การพัฒนาทุนมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศ เด็กถือว่าเป็นอนาคตของประเทศ สำหรับประเทศไทยนั้น ดัชนีทุนมนุษย์ของธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่าเด็กที่เกิดในวันนี้คาดว่าจะพัฒนาตนได้เพียง 61% ของศักยภาพเต็มเท่านั้น
รายงานฉบับนี้ได้ชี้ช่องว่างและวิเคราะห์อุปสรรคที่ชัดขวงให้การพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไทยเป็นไปได้อย่างเต็มที่ซึ่งความท้าทายเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการแก้โขโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายระยะยาวจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและจำนวนประชากรที่ลดลง อีกทั้งยังต้องแสวงหาโอกาสในเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จาก "ประชากรสูงวัยที่มีคุณภาพ" และ "เศรษฐกิจสีเงิน (เศรษฐกิจผู้สูงวัย)" ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายนี้ต้องดำเนินการควบคู่กับลงทุนในประชากรของประเทศ โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน
รายงานฉบับนี้อ้างอิงจากข้อมูลเชิงประจักษ์ ควบคู่กับการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงกว้าง โดยใช้แนวทางตามช่วงชีวิต (life-cycle approach) ในการประเมินการพัฒนาทุนมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่การดูแลเด็กปฐมวัยไปจนถึงการจ้างงานของเยาวชน
จากข้อมูลการศึกษาสะท้อนสถานการณ์ที่น่ากังวลบางประการในการพัฒนาทุนมนุษย์ของไทย เช่น ด้านการศึกษา พบว่านักเรียนชั้นประถมศึก 42% เท่านั้นที่มีทักษะการรู้หนังสือและการคำนวณตามวัย ขณะที่ผลการประเมิน PISA แสดงให้เห็นผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการที่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล และปัญหาเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเยาวชนจำนวนมากหลุดจากระบบการศึกษาหลังจบช่วงการศึกษาภาคบังคับ โดยมีเพียง 60% เท่านั้นที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
โดยแนวทางแก้ไขปัญหารวมถึงการพัฒนาระบบความคุ้มครองทางสังคมที่ครอบคลุม การปรับปรุงการศึกษาและการอบรมให้ทันสมัย และการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและเกื้อหนุน ซึ่งการลงทุนในด้านเหล่านี้จะเปิดประตูสู่ศักยภาพของเด็ก ๆ และของประเทศไทยเอง
ด้านนาย เดวิด เดลี่ เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า หัวใจของการพัฒนา "ทุนมนุษย์" นั้นประกอบไปด้วยสุขภาพ ความรู้ และทักษะของประชาชน ซึ่งไม่ใช่เพียงองค์ประกอบหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่เป็น "รากฐาน" ที่สำคัญอย่างแท้จริง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุนมนุษย์จึงเป็นศูนย์กลางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ของประเทศไทย และเป็นหัวใจของพันธะสัญญาร่วมของเราที่มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ความเร่งด่วนของวาระนี้ชัดเจน ประเทศไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงประชากรอย่างลึกซึ้ง ด้วยจำนวนประชากรวัยสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และแรงงานที่ลดลง ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนในระดับโลก
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจก็กำลังเปลี่ยนโฉมของโลกการ
ทำงานและโอกาส
ในบริบทเช่นนี้ การลงทุนในทุนมนุษย์จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเพียงเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่"จำเป็น" อย่างยิงต่อการเติบโตที่ยังยืน การลดความเหลือมลำ และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อวิกฤตในอนาคต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระบบการคลังของภาครัฐทั่วโลก รวมทั้งในภูมิภาคของเรา ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง ผลพวงของโควิด-19 ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้รัฐบาลหลาย
ประเทศต้องจัดสรรงบประมาณใหม่ – โดยมักเบี่ยงเบนออกจากบริการทางสังคมที่จำเป็น เช่น การศึกษา
สุขภาพ โภชนาการ และการคุ้มครองทางสังคม ไปสู่การชำระหนี้ โครงสร้างพื้นฐาน หรือกลาโหม ซึ่งสิ่งสิ่งผล
กระทบต่อเด็ก เยาวชน และครัวเรือนที่เปราะบางอย่างแท้จริง และบั่นทอนโอกาสการพัฒนาในระยะยาว
การเปิดตัวรายงานฉบับนี้จึงถือว่ามีความเหมาะสมอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ เราทราบดีว่าความช่วยเหลือด้าน
เทคนิคและการเสริมสร้างขีดความสามารถนั้นมีความสำคัญ - แต่เราก็ทราบเช่นกันว่าการปฏิรูประบบ
นโยบายภายใต้ข้อจำกัดทางการคลังจำเป็นต้ององอาศัยแรงสนับสนุนที่สม่ำเสมอและเจตจำนงทางการเมือง นี่คือ
เหตุผลที่การจัดงานในวันนี้มีความสำคัญมาก - ไม่ใช่เพียงการเผยแพร่ข้อมูลและข้อเสนอแนะเท่านั้น แต่เพื่อ
ขับเคลื่อนการลงมือปฏิบัติ และสร้างฉันทามติร่วมเกี่ยวกับความจำเป็นในการปกป้อง และแม้กระทั่งขยายการ
ลงทุนทางสังคมสำหรับเด็กและครอบครัวของพวกเขา
รายงานที่เรากำลังเปิดตัวในวันนี้เป็นการประเมินเชิงประจักษ์เกี่ยวกับทุนมนุษย์ของประเทศไทยอย่าง
ครอบคลุม - ตั้งแต่การพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการพัฒนาทักษะ และการเข้าสู่
ตลาดแรงงาน ข้อค้นพบในรายงานนี้เตือนให้เราตระหนักว่า แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าอย่างมากใน
การขยายการเข้าถึงบริการด้านการศึกษาและสังคม แต่ยังคงมี "ช่องว่างสำคัญ" ที่ต้องเร่งอุด เช่น ภาวะเตี้ย
แคระในเด็กเล็ก การสูญเสียด้านการเรียนรู้ ความไม่สอดคล้องของทักษะ และการว่างงานของเยาวชน ข้อมูล
ชี้ให้เห็นว่าเรายังขาดตกบกพร่องในส่วนใด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น รายงานฉบับนี้ก็มาพร้อมกับ "ความหวัง" โดยได้เสนอแผนปฏิบัติบัติที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และสามารถดำเนินการได้ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กในครัวเรือนรายได้น้อย กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้พิการ และเยาวสตรีที่ต้อง
รับภาระดูแลครอบครัวตั้งแต่อายุน้อย
"การตัดสินใจในวันนี้มีความสำคัญว่าเราจะจัดสรรทรัพยากรอย่างไร และไครเป็นกลุ่มเป้าหมาย
ให้เราร่วมกันใช้โอกาสนี้ และข้อมูลจากรายงานฉบับนี้ เพื่อสร้างแรงผลักดันร่วมกันอีกครั้ง ผมขอ
ดนโยบาย ผู้ปฏิบัติงาน พันธมิตรด้านการพัฒนา และภาคประชาสังคมทุกท่าน ทำงานร่วมกันอย่างยั่งยืน”







