‘คลัง’ ควักงบกลาง-กระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยา 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

‘คลัง’ ควักงบกลาง-กระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยา 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา

“คลัง” เปิดสูตรคำนวณมาตรการเยียวยา 7 จังหวัดได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมใช้งบกลาง-กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประเมินความเสียหาย และมาตรการเยียวยาจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ระหว่างรอข้อมูลการประเมินความเสียหายจากจังหวัดในเขตชายแดน และกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขณะที่กระทรวงการคลังมีการเตรียมมาตรการเยียวยาเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

นายพรชัย กล่าวว่า การคำนวณเงินเยียวยาของกระทรวงการคลัง จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.จำนวนผู้อพยพ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 1.9 แสนราย จาก 7 จังหวัดชายแดน 2.ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ของประชาชนที่อพยพ และ 3.จำนวนวันที่ต้องอพยพ ออกจากภูมิลำเนา เพื่อให้ได้ตัวเลขค่าชดเชยที่เหมาะสม โดยยังไม่รวมงบประมาณสำหรับการปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ

พร้อมใช้งบกลาง และงบกระตุ้นเศรษฐกิจ

สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการเยียวยาครั้งนี้ จะมาจากงบกลางกรณีฉุกเฉินจำเป็น และงบประมาณกลางเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีวงเงินประมาณ 25,000 ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2569 ที่สามารถนำมาใช้ดูแลผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายจะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ กระทรวงการคลังพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมได้ทันท่วงทีหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

นอกจากมาตรการเยียวยาโดยตรงแล้ว กระทรวงการคลังยังได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในด้านอื่นๆ ดังนี้

1.ขยายวงเงินทดรองราชการ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ จังหวัดละ 100 ล้านบาท และพร้อมพิจารณาขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัว

2.เลื่อนกำหนดเวลาชำระภาษี เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน และผู้ประกอบการ

3.ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่อง และพักชำระหนี้ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ

กระทรวงการคลังประเมินว่า ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชายังคงจำกัดอยู่ในเฉพาะพื้นที่ชายแดนเท่านั้น โดยภาพรวมการค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา คิดเป็นเพียง 1.4% ของการค้าทั้งหมด ส่วนภาคการลงทุนคาดว่ากระทบเล็กน้อย 

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวพึ่งพานักท่องเที่ยวกัมพูชาน้อย อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้งตามแนวชายแดน 

แม้จะมีบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ได้ออกประกาศเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในรัศมี 50 กิโลเมตร หรือบางจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียง แต่จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวยังคงห่างไกลจากพื้นที่ดังกล่าวมาก 

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบอาจเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (low season) ซึ่งต้องวิเคราะห์ปัจจัยฤดูกาลประกอบด้วย

ขณะที่ภาคแรงงานคาดว่าจะมีผลกระทบอยู่บ้างเนื่องจากแรงงานต่างด้าวจากกัมพูชาคิดเป็นประมาณ 12% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมดในไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแรงงานส่วนใหญ่น่าจะยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทย และหากมีการเคลื่อนย้ายแรงงาน ผู้ประกอบการก็สามารถจัดหาแรงงานทดแทนได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์