‘ทัวร์ริสต์ วอร์’ศึกใหญ่ที่ไทยกำลังพ่าย?

‘ทัวร์ริสต์ วอร์’ศึกใหญ่ที่ไทยกำลังพ่าย?

สถานการณ์ “ท่องเที่ยวไทย” ในปีนี้ไม่ดีเอาซะเลย เรียกว่าผิดไปจากคาดการณ์แบบพลิกฝ่ามือ ซึ่งมีผลต่อเนื่องยังเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย สะท้อนผ่านการหั่นคาดการณ์ “จีดีพี” ของหลายๆ สำนักวิจัยที่ประเมินภาคการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในช่วงต้นปีค่อนข้างมาก...

    การท่องเที่ยวไทยปีนี้เจอกับ “เหตุการณ์ร้าย” มากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นข่าวนักแสดงชาวจีน “ซิงซิง” เหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงแบบไม่เคยมีมาก่อน ข่าวตึกถล่ม สร้างความหวาดกลัวจนทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปถึง 50%
    นอกจากนี้ในช่วงเดือนที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เบียดขึ้นมาแซงนักท่องเที่ยวชาวจีนก็เริ่มลดลง หลังมีเหตุความไม่สงบบริเวณแหล่งท่องเที่ยวบางจุดในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จ.สงขลา ก็ลดลงราวกับ “ตกหน้าผา” โดยลดจากระดับ 83 ในไตรมาสแรกปี 2568 มาอยู่ที่ 70 ในไตรมาส 2 ปี 2568

  ด้าน ชัย อรุณานนท์ชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2568 อาจเหลือเพียง 33.3 ล้านคน ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.2% และ ลดลง 16.5% เมื่อเทียบกับปี 2562 ช่วงก่อนโควิดระบาด เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ คาดหดตัวมาอยู่ที่ 4.5 ล้านคน โดยประเมินยอดใช้จ่ายต่อคนต่อทริปเฉลี่ยที่ 50,000 บาท แม้จะสร้างรายได้ให้ประเทศราว 2.25 แสนล้านบาท แต่ก็ลดลงไปค่อนข้างมากจากคาดการณ์เดิม
    ในขณะที่การแข่งขันบน “ตลาดท่องเที่ยวโลก” ก็รุนแรงขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งประเด็นนี้ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจเพิ่งจะรายงานไป โดยชี้ให้เห็นว่าประเทศคู่แข่งต่างงัดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงรุกออกมาเพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ  เช่น การยกเว้นวีซ่าเพิ่มเติม การโปรโมตผ่านอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติ และการสร้างแคมเปญดึงดูดเฉพาะกลุ่ม ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับ “ทัวร์ริสต์ วอร์" อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ปัญหาอื่นๆ เช่น การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา แม้จะเกิดขึ้นบริเวณชายแดน แต่ก็มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่จะเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ล่าสุดยังเกิดเหตุกราดยิงในตลาด อ.ต.ก. อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวไทยกลางกรุงเทพ แม้จะไม่มีชาวต่างชาติบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ข่าวนี้คงกระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่มากก็น้อย

   ผลกระทบทั้งหมดนี้น่าจะส่งผลต่อเนื่องไปยังการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีด้วย  แม้ภาครัฐไทยจะตระหนักถึงความท้าทายเหล่านี้ และได้เริ่มดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวหลายโครงการ โดยมีงบประมาณรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ และการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนยังคงเป็นคำถาม หากไม่มีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นรากฐาน โดยเฉพาะปัญหาฉ้อโกง เราเห็นว่าเรื่องหลังนี้เป็นเรื่องสำคัญสุด ถ้ามาเที่ยวไทยแล้วต้องหวาดระแวงว่าจะถูก “โกง” การท่องเที่ยวในระยะยาวคงมีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพิ่มบทลงโทษที่รุนแรง เพื่อให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยในสายตาชาวโลก ไม่เช่นนั้นไทยเองนั่นละที่จะเป็นผู้พ่ายในศึก “ทัวร์ริสต์ วอร์”!