แผนปฎิบัติการแก้ปัญหาฝุ่น5ปี กติกาใหม่ภาคอุตฯ-ขนส่ง-เกษตร

แผนปฎิบัติการแก้ปัญหาฝุ่น5ปี  กติกาใหม่ภาคอุตฯ-ขนส่ง-เกษตร

พื้นที่ทั่วประเทศไทย มีค่าเฉลี่ยรายปีฝุ่นละออง PM2.5ปี 2561 - 2567 อยู่ในช่วง 20 - 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5ในเวลา 24 ชั่วโมง

อยู่ในช่วง 133.3 - 585.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 - 2570 และระยะ 5 ปีต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ  ประกอบด้วย 5 มาตรการ ดังนี้ มาตรการในพื้นที่เมืองประกอบด้วย 3 ภาคส่วน  ได้แก่ ภาคคมนาคม กำหนด เร่งรัดการจัดหารถโดยสารมลพิษต่ำหรือรถโดยสารไฟฟ้า 2.กำหนดให้มีพื้นที่ควบคุมพิเศษ (Low Emission Zone) เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจร เช่น จัดเก็บค่าธรรมเนียม ,การพัฒนาระบบการเชื่อมโยงขนส่งมวลชน(Feeder System)

      3.บังคับใช้มาตรการและกฎหมายควบคุมควันดำอย่างเข้มงวด เช่น ไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีและไม่สามารถนำรถมาใช้งานบนถนนได้ , “ห้ามใช้”  หรือ สั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 

ภาคอุตสาหกรรม 1.นำข้อมูลจากระบบการรายงานการระบายมลพิษอากาศผ่านระบบ Online ของโรงงานอุตสาหกรรมมาใช้เพื่อการบริหารจัดการปัญหามลพิษอากาศ และเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)

    2.กำหนดการบริหารจัดการการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการระบายมลพิษทางอากาศสูง (เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงงานผลิตน้ำตาลทราย เป็นต้น) ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาฝุ่นละอองในช่วงวิกฤต อาทิ การเหลื่อมเวลาการผลิตการลดกำลังการผลิต หรือลดจำนวนชั่วโมงการเดินระบบ หรือหยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อลดปัญหาในช่วงวิกฤติฝุ่นอก.

ภาคเมือง 1.ส่งเสริมสนับสนุนให้นำพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานสะอาดมาใช้กับอาคารและสิ่งปลูกสร้างกระทรวงพลังงาน (พน.)

2. ควบคุมฝุ่นละอองจากการก่อสร้างประเภทต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างอาคาร การก่อสร้างถนนและทางพิเศษ และการก่อสร้างรถไฟฟ้ากทม. จังหวัด อปท. คค.

  นอกจากนี้ ในส่วนมาตรการในพื้นที่ป่ามุ่งเน้นการบริหารจัดการปัญหาการเผาในพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากทั้งพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชุมชน

ขณะที่มาตรการในพื้นที่เกษตรกรรม ได้แก่  จัดทำแผนและดำเนินการปรับโครงสร้างการผลิตพืชที่เสี่ยงต่อการเผาโดยครอบคลุมอย่างน้อยสำหรับการเพาะปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย เพื่อให้มีการเพาะปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม มีระบบจัดการแปลงการเพาะปลูก และการเก็บเกี่ยวโดยไม่มีการเผา โดยมีแนวทางดำเนินการดังต่อไปนี้ 1. กำหนดพื้นที่เหมาะสม (Zoning) 2. จัดทำระบบและดำเนินการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ปลอดจากการเผา 3. จัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตทางการเกษตร (Traceability) สินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 4. บริการเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อการจัดการแปลงการเก็บเกี่ยวการจัดการเศษวัสดุการเกษตร 5. จัดทำระบบการจัดการวัสดุการเกษตรที่ปลอดการเผา และการนำไปใช้ประโยชน์หรือสร้างเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกร 6.ส่งเสริมระบบตลาดสินค้าเกษตรที่ปลอดจากการเผา 7. กำหนดแนวทาง รูปแบบการสนับสนุนของภาคเอกชน เพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรที่ปลอดการเผา

ขึ้นทะเบียนรายชื่อเกษตรกรและจำนวนพื้นที่ที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟ อาทิ พื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ในพื้นที่สูงในช่วงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต สร้างธุรกิจการจัดการเศษวัสดุการเกษตร สนับสนุนให้ภาคเอกชนได้รับสิทธิและประโยชน์ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จากการลงทุนเพื่อกำจัดเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในโรงไฟฟ้าชีวมวลจัดทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) การเผาในพื้นที่เกษตรและนำมาใช้ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศและ สนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรแบบไม่เผาหรือที่ได้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices : GAP)

ด้านมาตรการภาคมลพิษข้ามแดนมุ่งเน้นการใช้มาตรการการประสานความร่วมมือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนมาตรการอื่นๆ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเป็นมาตรการเสริมเพื่อให้การดำเนินการป้องกัน ลด ควบคุมและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ

สำหรับ  แนวทางการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองฉบับที่ 2 ไปสู่การปฏิบัติโดย ใช้กลไก 3 ระดับ ได้แก่กลไกระดับชาติ : คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยการ มอบหมาย ควบคุม กำกับ และติดตามการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  กลไกระดับกลุ่มจังหวัด/แบบข้ามเขต : วิธีการบริหารจัดการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีลักษณะเฉพาะของสภาพปัญหาความเฉพาะของระบบนิเวศ หรือกลุ่มเฉพาะด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องข้ามพื้นที่หรือข้ามจังหวัด

กลไกระดับพื้นที่ : ระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 หรือคำสั่งนายกรัฐมนตรีเพื่อเชื่อมโยงนโยบายไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ อำนวยการสั่งการ และประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว