ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้น หลังข้อตกลงการค้าสหรัฐ-อียู

ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 1 สิงหาคม
บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ (28 ก.ค.) หลังจากสหรัฐฯ และ สหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงการค้าก่อนกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 1 สิงหาคม
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดตลาดลดลง 1.1% เหนือระดับ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ซื้อขายใกล้ระดับ 65 ดอลลาร์ สหภาพยุโรปจะต้องเผชิญภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ แม้ทรัมป์และอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปจะดูเหมือนมีความเห็นที่แตกต่างกันในรายละเอียดสำคัญบางประการของข้อตกลงนี้
นโยบายการค้าทรัมป์ และภัยคุกคามจากการตอบโต้จากประเทศเป้าหมาย ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ การตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัสที่จะเพิ่มโควตาการผลิตอย่างรวดเร็วยังทำให้ตลาดน้ำมันล้นตลาดในช่วงปลายปีนี้
คณะกรรมการโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันจันทร์เพื่อประเมินตลาดน้ำมันก่อนการประชุมในวันอาทิตย์เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนกันยายน คณะผู้แทนคาดว่ากลุ่มจะเพิ่มโควตาอีกครั้ง
ทรัมป์และฟอน แดร์ ไลเอินประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเมื่อวันอาทิตย์ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดหรือเผยแพร่เอกสารใดๆ ก็ตาม สหรัฐฯ ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่นแล้วเช่นกัน ได้กำหนดเส้นตายในวันที่ 1 สิงหาคม เพื่อสรุปข้อตกลงกับคู่ค้าก่อนที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนมีกำหนดพบกันในวันจันทร์เพื่อเจรจาการค้า และเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่าทั้งสองประเทศคาดว่าจะขยายระยะเวลาการพักรบทางภาษีออกไป ตามรายงานจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ
อัปเดตราคาน้ำมันเช้านี้ (28 ก.ค.)
ราคาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 68.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 9:11 น. ตามเวลาสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.5% อยู่ที่ 65.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล







