พด. เชื่อมมาตรฐาน LAB วิเคราะห์ดินทั่วประเทศ ยกระดับการจัดการดินอย่างยั่งยืน

การตรวจวิเคราะห์ดิน คืออีกหนึ่งความแม่นยำของภาคการเกษตรยุคใหม่ ที่นำไปสู่การเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรมพัฒนาที่ดินจึงสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการ (TSLAN) ขึ้นเพื่อให้ทุกการตรวจวิเคราะห์เป็นมาตรฐานเดียวกัน
นายอาทิตย์ ศุขเกษม รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน ด้านวิชาการ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินกิจกรรมด้านการพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดิน ภายใต้สมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership; GSP) ซึ่งมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เป็นประธานกรรมการ และมีการดำเนินงานในระดับภูมิภาคเอเชีย (Asian Soil Partnership; ASP) โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินระดับโลก (Global Soil Laboratory Network; GLOSOLAN) คณะทำงานเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินของประเทศไทย (Thai Soil Laboratory Network, TSLAN) ขึ้น
มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือด้านการวิเคราะห์ดินของไทยระหว่างห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินในระดับประเทศ มีสมาชิกเครือข่ายเริ่มต้น จำนวน 35 ห้องปฏิบัติการ ปัจจุบัน ปี 2568 มีจำนวน 46 ห้องปฏิบัติการ ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และห้องปฏิบัติการกรมพัฒนาที่ดินทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
โดยสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน เป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการ และการพัฒนามาตรฐานการวิเคราะห์ดิน ได้ขับเคลื่อนการพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินเครือข่ายประเทศไทย ในกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การผลิตตัวอย่างดินอ้างอิง (ในระดับ Quality Control Sample) จัดโปรแกรมการทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดิน หรือ Proficiency Testing Program (PT) ตั้งแต่ปี 2563 มีสมาชิกเครือข่ายห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินประเทศไทยเข้าร่วม มากกว่า 30 ห้องปฏิบัติการ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสมาชิกเครือข่ายห้องปฏิบัติการประเทศไทย (TSLAN)
ทั้งนี้ในปี 2566 มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ดินเครือข่ายประเทศไทย” ปี 2567 การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การจัดทำคู่มือมาตรฐานการวิเคราะห์ดินของประเทศไทยและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรห้องปฏิบัติการเครือข่ายวิเคราะห์ดินประเทศไทย
ปี 2568 วันที่ 6-8 ก.ค. 2568 การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การสร้างมาตรฐานการวิเคราะห์ดินให้มีความสอดคล้องกันของประเทศไทยและการดูงานด้านการจัดการสารเคมีและของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการ” ณ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ จ.กรุงเทพฯ และศึกษาดูงาน ณ อาคารวิจัยและนวัตกรรมกระบวนการชีวภาพ (BRI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางขุนเทียน)
“กิจกรรมดังกล่าวจัดเป็นการควบคุมคุณภาพภายนอก แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ดินของห้องปฏิบัติการที่เป็นไปตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในผลการวิเคราะห์จากทุกห้องปฏิบัติการ”
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีคุณภาพที่ได้จากทุกกิจกรรม จะนำไปสู่การประเมินทรัพยากรดินที่ถูกต้อง และสนับสนุนการวิจัยที่เป็นเลิศ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างมาตรฐานและกำหนดวิธีวิเคราะห์ทางดินให้มีความสอดคล้องกันในระดับประเทศ ระดมความคิดแลกเปลี่ยน ทบทวนและกำหนดแผนการดำเนินกิจกรรมของเครือข่ายห้องปฏิบัติการของประเทศไทย และหารือแนวทางการจัดทำคู่มือสำหรับการวิเคราะห์ดิน มาตรฐานการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure; SOPs) ของประเทศไทยร่วมกันระหว่างสมาชิกเครือข่าย
นางปิ่นเพชร ดีล้อม ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า จากการดำเนินงานของเครือข่าย TSLAN อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน มี SOPs เผยแพร่แล้ว จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1. การวิเคราะห์ความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) 2. การวิเคราะห์คาร์บอนอินทรีย์ในดิน วิธี Walkley-Black โดยเทคนิคการไทเทรต 3. การวิเคราะห์ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน วิธี Bray II 4. การวิเคราะห์โพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ วิธี1 M NH4 OAc pH7
และปลายปี 2568 จะมีเผยแพร่เพิ่มเติม 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การทดสอบการนำไฟฟ้าของดิน (Electrical Conductivity: EC) โดยวิธีใช้ดิน ต่อน้ำอัตราส่วน 1:5 เรื่องที่ 2. การทดสอบความต้องการปูน (Lime Requirement: LR) และ 3. การทดสอบความหนาแน่นของดิน (Dry Bulk Density) โดยวิธี Core method
การขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการอย่างต่อเนื่องจะทำให้ประเทศไทยสามารถได้ข้อมูลมาจากวิธีที่มีความสอดคล้องกัน สามารถเทียบเคียงผลการวิจัยกับหน่วยงานอื่นๆ ได้ในระดับสากล รวมทั้งได้ข้อมูลที่มีคุณภาพสำหรับประเทศเพื่อนำไปใช้วางแผนการจัดการดินอย่างยั่งยืนได้







