หวั่นจบดีลไม่ทัน 1 ส.ค. ทรัมป์ ขู่ปมชายแดน ไทยเสี่ยงวืดจบดีลภาษี

หวั่นจบดีลไม่ทัน 1 ส.ค. ทรัมป์ ขู่ปมชายแดน ไทยเสี่ยงวืดจบดีลภาษี

“ภาคเอกชน” เกาะติดปัญหาชายแดนหลังทรัมป์ประกาศไม่เจรจาภาษี หากไทย-กัมพูชายังยิงกัน สรท.แนะรัฐบาลเสนอสหรัฐยืดเวลาผ่อนผันบังคับใช้ภาษีออกไปหลังครบเส้นตาย 1 ส.ค.นี้

KEY

POINTS

  • “ภาคเอกชน” เกาะติดปัญหาชายแดนหลังทรัมป์ประกาศไม่เจรจาภาษี หากไทย-กัมพูชายังยิงกัน
  • สรท.แนะรัฐบาลเสนอสหรัฐยืดเวลาผ่อนผันบังคับใช้ภาษีออกไปหลังครบเส้นตาย 1 ส.ค.นี้
  • ส.อ.ท.ย้ำอธิปไตย ความปลอดภัยประชาชนสำคัญสุด ห่วงกัมพูชาไม่จริงใจเปิดเจรจาทวิภาคี แนะเรียกร้องนานาชาติกดดันหยุดยิง
  • “หอการค้า” มองข้อเสนอทรัมป์ ให้หยุดยิง 2 ประเทศเพื่อประโยชน์ 2 ประเทศ

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้โทรหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รวมถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี โดยเตือนว่าจะไม่ทำข้อตกลงการค้ากับทั้ง 2 ประเทศในขณะที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป

สำหรับภาษีตอบโต้ที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากไทยอยู่ในอัตรา 36% ในขณะที่กัมพูชาอยู่ที่ 49% ซึ่งสหรัฐปรับลดลงเหลือ 36% โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาไทยได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้สหรัฐ และคาดหวังว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 ส.ค.2568

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การนำเงื่อนไขภาษีมาเป็นข้อเสนอให้ทั้งสองประเทศคือไทยและกัมพูชาหยุดยิงของประธานาธิบดีสหรัฐเกิดขึ้นภายหลังจากที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ประชุมฉุกเฉินหารือประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2568 

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ไม่มีมติให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง แต่ผู้แทนจากสหรัฐที่อยู่ประจำ UNSC รายงานไปยังทำเนียบขาวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐรับทราบจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาผู้นำไทยและกัมพูชาเพื่อเป็นตัวกลางเจรจา

แหล่งข่าวยืนยันว่า จากคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งการไปถึงทีมเจรจาภาษีของสหรัฐที่กำลังเจรจากับทั้งไทยและกัมพูชาให้พักเรื่องนี้ไว้ก่อน เพื่อให้ทั้งสองประเทศมาหาทางเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์การสู้รบก่อนจึงจะกลับมาคุยเรื่องภาษีที่เจรจาค้างอยู่

 

“ด้วยเงื่อนไขแบบนี้เป็นไปได้สูงที่การเจรจาภาษีระหว่างไทยและสหรัฐที่อยู่ขั้นท้ายๆ จะยังไม่ประกาศออกมา และอาจไม่ทันวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทำให้ไทยต้องใช้ภาษีในอัตรา 36% ไปก่อน แล้วค่อยมาเจรจาเรื่องนี้กันต่อ เมื่อสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยขณะนี้ก็มีหลายประเทศที่เข้าข่ายจะเจรจาไม่ทันเส้นตาย แต่ของไทยและกัมพูชานั้นมีสถานการณ์เพิ่มเติม”แหล่งข่าวระบุ

หวั่นจบดีลไม่ทัน 1 ส.ค. ทรัมป์ ขู่ปมชายแดน ไทยเสี่ยงวืดจบดีลภาษี

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทีมไทยแลนด์ได้ตอบข้อซักถามกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดหวังอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศอาเซียน

นายพิชัย ออกแถลงการณ์ผ่านโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2568 เรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการใช้ความรุนแรงทันที เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาทางการทูต ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างยั่งยืน

นายพิชัย ระบุว่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ชีวิตและทรัพย์สินประชาชน โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่ถูกโจมตี รวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเขตพลเรือนที่ไม่ควรถูกแตะต้องทุกกรณีถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศกฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศร้ายแรง

"พฤติกรรมเช่นนี้กำลังกลายเป็นหนึ่งในเหตุสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศกัมพูชาเป็นต้นเหตุของการทำลายประเทศของตัวเอง ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นจากนานาประเทศ และโอกาสทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และที่น่ากังวลยิ่งคือ ความน่าเชื่อถือของผู้นำกัมพูชา ที่ไม่มีสัจจะ และยังคงโจมตีไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 27 ก.ค."

ส.อ.ท.ย้ำจุดยืนอธิปไตยไทย

 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จุดยืนที่ชัดเจนของไทย คือ การปกป้องอธิปไตย รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินประชาชนที่มีความสำคัญสูงสุด แม้ปัญหาเศรษฐกิจจะมีความสัมพันธ์กับการดำรงอยู่ของชาติ แต่หากไม่มีอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนแล้วเศรษฐกิจไม่สามารถดำรงอยู่ได้

“ภาคเอกชนมองว่าเศรษฐกิจเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ แต่ยังคงยืนยันในหลักการที่ว่าอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากชาติมั่นคง เศรษฐกิจก็จะดีตามมาได้”

นายเกรียงไกร ยกตัวอย่างกรณีความขัดแย้งระหว่างฮามาสและอิสราเอล ที่ฮามาสเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน และอิสราเอลได้ตอบโต้เพื่อปกป้องตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทุกประเทศได้ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศเป็นอันดับแรก ซึ่งเชื่อว่าแม้กระทั่งสหรัฐเองก็จะดำเนินการเช่นเดียวกันหากเกิดเหตุการณ์รุกรานขึ้นในประเทศ

ชี้กัมพูชาไม่จริงใจที่จะหยุดยิง

อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมบทบาทของ ทรัมป์ ในฐานะผู้นำโลกที่พยายามห้ามปรามไม่ให้แต่ละประเทศทำสงครามเป็นสิ่งถูกต้อง แต่ย้ำว่าปัจจัยสำคัญคือความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย โดยภายหลังจากที่ทรัมป์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ 

แต่หลังจากนั้นไม่นานทางฝั่งกัมพูชายังไม่หยุดรุกรานประเทศไทย และยังมีเสียงระเบิดและปืนยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้ามืด ดังนั้น จึงอยากฝากให้สหรัฐใช้มาตรการต่างๆ กดดันฝ่ายที่เริ่มก่อนและไม่ยอมยุติการโจมตี ทั้งๆ ที่ได้รับปากไปแล้วก็ตาม

“ไทยเป็นประเทศที่รักสงบ ไม่เคยรุกรานใคร แต่จะไม่ยอมให้ใครมารุกรานเช่นกัน และพร้อมกลับมาสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี แต่การเจรจาจะได้ผลหรือไม่ขึ้นกับความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่การพูดจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม โดยทุกครั้งไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มก่อน แต่การที่กัมพูชายิงและทำร้ายเด็ก ประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงโรงพยาบาลที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายเป็นเรื่องรับไม่ได้”

ดังนั้น หากกัมพูชายังไม่ยอมหยุด ไทยก็หยุดไม่ได้เพราะคือการปกป้องอธิปไตยและชีวิตทรัพย์สินคนไทย ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ทหาร และประชาชนทุกคน

ภาคเอกชนส่งกำลังใจให้ทหาร

ทั้งนี้ ภาคเอกชนขอส่งกำลังใจให้กับทหารในแนวรบ ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนทุกคนที่กำลังเผชิญสถานการณ์ พร้อมขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย และส่งกำลังใจเป็นพิเศษให้กับผู้บริสุทธิ์และพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และต้องอพยพจากเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังไม่แน่นอน และการเจรจาภาษีสหรัฐจะทันกำหนดวันที่ 1 ส.ค.2568 หรือไม่ นายเกรียงไกร กล่าวว่า เป็นเรื่องตอบยาก ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของสหรัฐ และการปฏิบัติตามคำแนะนำของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชาที่เช้ามืดวันที่ 27 ก.ค.2568 ประชาชนในพื้นที่ยังได้ยินเสียงระเบิดและเสียงปืนแสดงว่ากัมพูชายังไม่หยุดปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว

‘ทรัมป์’ ใช้ดีลภาษีเครื่องมือจี้หยุดยิง

 ขณะที่ ความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลมีเดียไทย และกัมพูชาเมื่อคืนวันเสาร์ 26 ก.ค. ต่อเนื่องเช้าวันอาทิตย์ 27 ก.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ โพสต์ผ่านทรูธโซเชียลว่า ได้พูดคุยกับผู้นำทั้งสองประเทศ เริ่มต้นจากโพสต์แรกของทรัมป์ เมื่อเวลา 22.28 น. ตามเวลาประเทศไทย

“เพิ่งคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเรื่องหยุดสงครามกับไทย ตอนนี้ผมกำลังโทรหารักษาการนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อขอให้หยุดยิง และยุติสงครามซึ่งกำลังระอุอยู่ในขณะนี้ บังเอิญว่าเรากำลังทำข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศอยู่พอดี แต่เราไม่ต้องการทำข้อตกลงใดๆ กับทั้งสองประเทศ หากยังต่อสู้กันอยู่และผมได้บอกพวกเขาแล้ว 

ขณะนี้ กำลังโทรไปหาไทย โทรหากัมพูชาจบแล้ว แต่คาดว่าจะโทรกลับเรื่องยุติสงครามและหยุดยิงตามที่ไทยได้กล่าวไว้ ผมพยายามทำให้สถานการณ์ง่ายเข้า หลายคนเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ แต่มันเตือนใจผมอย่างมากให้คิดถึงความขัดแย้งระหว่างปากีสถานกับอินเดียซึ่งยุติลงได้สำเร็จ"

โพสต์ที่ 2 เวลา 22.49 น. ตามเวลาประเทศไทย ระบุว่า ผมเพิ่งพูดคุยกับรักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเป็นการสนทนาที่ดีมาก ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับกัมพูชา ต้องการหยุดยิงและสันติภาพโดยทันที ผมจะถ่ายทอดข้อความนี้กลับไปยังนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจากพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้ว การหยุดยิง สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เราจะได้รู้กันเร็วๆ นี้

ส่วน โพสต์ที่ 3 เวลา 23.23 น. ตามเวลาประเทศไทย ทรัมป์ ระบุว่า "ผมเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วยความรู้สึกที่ดีมาก และได้แจ้งให้ท่านทราบถึงการหารือของผมกับประเทศไทย และรักษาการนายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายกำลังแสวงหาการหยุดยิงและสันติภาพโดยทันที พวกเขายังต้องการกลับเข้าสู่ “โต๊ะเจรจาการค้า” กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราคิดว่า ไม่เหมาะสมที่จะทำจนกว่าการสู้รบจะยุติลง 

พวกเขาตกลงที่จะพบกันทันที และหาข้อตกลงหยุดยิงอย่างรวดเร็ว และท้ายที่สุด คือ สันติภาพ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับทั้งสองประเทศ พวกเขามีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมานานแสนนาน หวังว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติไปอีกหลายปี เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและสันติภาพใกล้เข้ามา ผมตั้งตารอที่จะสรุปข้อตกลงการค้าของเรากับทั้งสองประเทศ"

ถอดรหัสโทรศัพท์ทรัมป์

ด้าน รศ.ดร.วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่คลิปวิชาการประจำเดือน ก.ค. ผ่านช่องทางยูทูบ ชื่อคลิป “ปธน.ทรัมป์ออกโรงแล้ว สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชากับสงครามภาษี จีนอยู่ตรงไหนในสมการนี้” ถอดรหัสการโทรศัพท์ของทรัมป์ถึงผู้นำกัมพูชาและไทย ที่ทรัมป์ขู่ใช้การเจรจาภาษีเป็นเครื่องมือต่อรองว่า ภาษีเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่แม้แต่กัมพูชาก็ไม่ยืนข้างจีน แต่ตกลงจะเจรจากับสหรัฐ ไม่ขึ้นภาษีตอบโต้ซึ่งเป็นจุดยืนเดียวกับสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ทรัมป์สามารถนำเรื่องภาษีมาใช้ต่อรองได้

การคุยกับรักษาการนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชชยชัย ซึ่งเป็นคนจัดการส่งตัวอุยกูร์กลับไปให้จีนนั้น เห็นได้ว่า เรื่องอุยกูร์ไม่เคยเป็นประเด็นสำหรับทรัมป์

ส่วนการที่รองนายกฯ ภูมิธรรมโพสต์โซเชียลมีเดียว่า ได้สื่อสารกับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว และมีวงเล็บว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้คุยกับรัฐบาลจีนและประธานอาเซียน ตนเชื่อว่า รองฯ ภูมิธรรมไม่ได้คุยกับสี จิ้นผิง นัยของรองฯ ภูมิธรรม คือ เรื่องนี้มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยกันแก้ไข ไม่ได้มีแค่ทรัมป์คนเดียว สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างมากของรัฐบาลไทยที่จะบอกว่าทั้งจีนและอาเซียนก็มีส่วนเช่นเดียวกับประธานาธิบดีทรัมป์

ส่วนข้อสงสัยของหลายคนที่ว่ากัมพูชามีท่าเรือของจีน แล้วจีนจะมาช่วยรบหรือไม่ นักวิชาการรายนี้มองว่าปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน จัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์มากมาย ล่าสุดทูตทหารของจีนยืนยันกับไทยว่า จีนจะไม่สนับสนุนอาวุธให้กัมพูชาใช้ทำร้ายคนไทยแน่นอน