การลงทุนในทองคำ

มีคนถามผมเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ ซึ่งผมสามารถเพียงแต่บอกว่า โดยปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจะแนะนำว่า ควรจะลงทุนในทองคำเพียงประมาณ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด
ทั้งนี้เพราะทองคำนั้นเป็นวัตถุมีค่าที่เป็นที่นิยมและน่าเชื่อถือมานานนับพันปี และยังเป็นวัตถุที่ใช้ในอุตสาหกรรมอีกด้วย แต่ก็ไม่สามารถให้ผลตอบแทนได้เหมือนกับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น สารหนี้หรือตราสารทุน กล่าวคือ ผลตอบแทนจะมาจากการที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเท่านั้น
การลงทุนในทองคำ คือการลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเวลาที่เกิดวิกฤติหรือสงครามนั้น ราคาทองคำจะปรับสูงขึ้น นอกจากนั้น การถือทองคำยังจะเป็นการประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อยืดเยื้อ (hedge against prolonged inflation) แต่ในส่วนนี้นั้น ย่อมมีทางเลือกอื่นๆ เช่น การถือครองที่ดินซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีปริมาณจำกัด ทำให้ราคามักจะปรับตัวสูงขึ้นในภาวะที่เกิดเงินเฟ้อเรื้อรัง
นอกจากนั้น สัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในทองคำก็จะยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงอีกด้วย เช่น คนที่อายุมากก็อาจจะอยากมีทองคำในพอร์ตลงทุนมากกว่าคนที่อายุน้อย เพราะคนอายุมากย่อมรับความเสี่ยงได้น้อย ในขณะที่คนอายุน้อยรับความเสี่ยงได้มากกว่า เพราะมีระยะเวลาลงทุนที่ยาวนานกว่า จึงควรจะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง เช่น ตราสารหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่าคนสูงอายุที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
ผมจึงได้ไปดูสัดส่วนการถือทองคำของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นนักลงทุนระยะยาว (มากๆ) และย่อมจะต้องเป็นนักลงทุนที่มีข้อมูลครบถ้วนและมีความสามารถในด้านการลงทุนสูง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันซึ่งความเสี่ยงในเชิงของภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังส่งผลให้เกิดความผันผวนในปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและการเมืองของโลกอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
จะเห็นได้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับเพิ่มสัดส่วนของการถือทองคำในทุนสำรองจากประมาณ 3% ในช่วง 2558-2563 แต่หลังจากนั้น สัดส่วนการถือทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยก็ได้เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนของทองคำในทุนสำรองของประเทศไทยนั้น ล่าสุดสูงกว่า 8% และการเพิ่มขึ้นดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดจากการปรับตัวของราคาทองคำ ตัวอย่างเช่น
- ในช่วงปี 2558-2563 ที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จาก 1,200 เหรียญต่อออนซ์ มาเป็น 1,800 เหรียญต่อออนซ์ สัดส่วนการถือทองคำของธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย คืออยู่ที่ประมาณ 3% ของทุนสำรองทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
- ในช่วงประมาณ 4 ปีที่ผ่านมาจากปี 2564 ถึงปัจจุบันนั้น ราคาทองคำปรับขึ้นไปประมาณ 70% (จาก 1,850 ดอลลาร์มาเป็น 3,266 ดอลลาร์) แต่ปริมาณทองคำที่อยู่ในทุนสำรองของประเทศไทยนั้น เพิ่มมาประมาณ 172% (จาก 9,134 ล้านดอลลาร์ มาเป็น 24,810 ล้านดอลลาร์)







