‘คลัง’ ขยายวงเงินฉุกเฉินให้ผู้ว่าฯ 4 จังหวัด ชายแดนไทย-กัมพูชา 100 ล้าน

‘คลัง’ ขยายวงเงินฉุกเฉินให้ผู้ว่าฯ 4 จังหวัด ชายแดนไทย-กัมพูชา 100 ล้าน

‘คลัง’ สั่ง ‘บัญชีกลาง’ ขยายวงเงินเบิกจ่ายเงินทดรองราชการกรณีฉุกเฉิน ให้ผู้ว่าราชการในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จังหวัด เป็น 100 ล้าน และพื้นที่น้ำท่วม 50 ล้าน หวังช่วยเยียวยาเร่งด่วนเฉพาะหน้า

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีการติดตามสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุปะทะกันระหว่างกำลังความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด โดยได้เตรียมมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ ทั้งมาตรการทางการเงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 7 แห่ง 

รวมทั้งสั่งการให้กรมบัญชีกลาง ขยายวงเงินการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ขยายวงเงินจาก 20 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท ตามคำขอของกระทรวงมหาดไทย ให้พื้นที่ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี 

“การขยายวงเงินดังกล่าวให้ผู้ว่าฯ เบิกจ่ายเงินฉุกเฉินได้จะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด โดยสามารถใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือน อพยพประชาชน ดูแลเรื่องอาหารการกิน เป็นต้น ”

นอกจากนี้ ยังได้มีการขยายวงเงินให้พื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม 6 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ และลำปาง ขยายวงเงินจาก 20 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท เบื้องต้นให้เร่งเบิกจ่ายภายใน 3 เดือน แต่อาจมีการขยายเวลาเพิ่มเติมได้หากเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย

สำหรับวัตถุประสงค์ของวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินนั้น เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบพิบัติกรณีฉุกเฉิน บรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยให้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีพ และความเป็นอยู่ของประชาชน หรือเป็นการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้คืนสู่สภาพเดิม หรือเพื่อป้องกัน ยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นการให้ความช่วยเหลือแบบจำเป็นเร่งด่วน เช่น ให้เงินทุนประกอบอาชีพ ถุงยังชีพ อาหาร เรื่องดื่ม เป็นต้น โดยจะมีหลักเกณฑ์ของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) ในการกำหนดการใช้เงินทดรองราชการดังกล่าวอย่างชัดเจน