ชายแดนไทย-กัมพูชา ระอุอย่าลืมโจทย์ ‘สงครามการค้า’

และแล้ววันนี้ ก็มาถึงเมื่อความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลายจากการปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย กลายเป็นกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีเป้าหมายพลเรือน
สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม,ปราสาทโดนตรวน, ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลพนมดงรัก,บ้านเรือนทรัพย์สินของประชาชน และศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ งานนี้มีประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย
ท่าทีกองทัพไทยยังคงยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวง ปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เคร่งครัดในกฎกติกาตามหลักสากล เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับทางการทูต เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ในการอภิปรายแบบเปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในหัวข้อการส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ ผ่านพหุภาคีนิยม และการระงับข้อพิพาทโดยสันติซึ่งจัดโดยปากีสถานในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2568
ในถ้อยแถลง รัฐมนตรีมาริษ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของไทยในการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ ล่าสุดวานนี้ (24 ก.ค.68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่สังคมคาใจว่า ทำไมไทยเราต้องอดทนดำเนินการตามกฎตามระเบียบ ขณะที่กัมพูชาดูเหมือนจะทำอะไรก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกันไปเลยได้หรือไม่
โฆษกฯ ชี้แจงว่า ในการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตเราสามารถลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อลดไปถึงระดับสุดก็จะนำไปสู่การตัดความสัมพันธ์ทางการทูต แต่การทำเ ช่นนั้นไม่ง่าย เพราะเท่ากับว่าช่องทางในการติดต่อหรือ de-escalate สำหรับลดแรงกดดันต่อทั้งสองฝ่ายได้ถูกปิดลงไป การเจรจาหาจุดร่วมหาความสงบเป็นไปได้ยากขึ้น “เราจึงยังไม่ไปที่จุดนั้น”
ฟังคำตอบจากฝ่ายบู๊คือ กองทัพ และฝ่ายบุ๋นคือ การทูต (กระทรวงการต่างประเทศ) ภาคภูมิใจได้อย่างหนึ่งว่า ประเทศไทยดำเนินการโดยยึดกติกาสากล เป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกมาโดยตลอด ถึงเวลาต้องโยนคำถามกลับไปยังประชาชนชาวไทย ก่อนหน้านี้มีหลายเสียงเรียกร้องให้ไทยเล่นบทโหด ถึงวันนี้เมื่อเหตุการณ์บานปลายถึงขนาดผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต คงจะเข้าใจได้แล้วว่า การไม่ยั่วยุปลุกปั่นมองสถานการณ์ตามความเป็นจริงนั้นดีที่สุด
อย่าลืมว่า นอกจากการใช้อาวุธบริเวณชายแดนแล้ว ไทยยังมีโจทย์สงครามการค้ารออยู่ สงครามการค้าไม่ทำให้ใครตาย แต่สร้างความเสียหายได้หลายแสนล้าน และเป็นสงครามที่แก้ไขได้ด้วยการเจรจา ระหว่างนี้ขอให้รัฐบาล และกองทัพแก้ไขสถานการณ์ชายแดนให้สงบได้โดยเร็ว ทุกฝ่ายจะได้ทุ่มเทสรรพกำลังไปกับการเจรจาสงครามการค้า ที่เส้นตายสหรัฐเก็บภาษีไทย 36% ในวันที่ 1 ส.ค.68ใกล้เข้ามาทุกขณะ เพราะถ้าเจอสงครามการค้าครั้งนี้ เห็นทีไทยบาดเจ็บล้มตายกันทั้งประเทศ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







