ทองคำ กับความโหดร้ายของสมมติ

ทองคำ กับความโหดร้ายของสมมติ

ย้อนไปในตอน ริชาร์ด นิกสัน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อต้นปี 2512 ทองคำซื้อขาย 400 บาทต่อทองคำหนัก 1 บาท สะท้อนค่าที่รัฐบาลอเมริกันให้คำมั่นสัญญามาตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

ว่า ถ้าผู้ที่มีเงินดอลลาร์ต้องการเปลี่ยนเป็นทองคำ อาจนำไปแลกกับรัฐบาลได้ในอัตรา 35 ดอลลาร์ต่อทองคำ 1 ออนซ์

การตั้งราคาทอง 1 ออนซ์เท่ากับ 35 ดอลลาร์เป็นสมมติที่สหรัฐกำหนดขึ้น ซึ่งชาวโลกยึดเป็นค่าของทองในรูปเงินตราของตนด้วย รัฐบาลอเมริกันยกเลิกคำมั่นสัญญานั้นในตอนกลางปี 2514

ณ วันนี้ ทองซื้อขายกันเกิน 50,000 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาท ซึ่งสะท้อนราคาทั่วโลกรวมทั้งในอเมริกา 

การตั้งค่าของทองแบบนี้เป็นสมมติที่ชาวโลกทำร่วมกัน ซึ่งเปลี่ยนไปตามความพอใจรายวันของผู้ซื้อและผู้ขาย การที่ราคาทองขึ้นไปกว่า 125 เท่าในช่วงเวลา 54 ปีสะท้อนปัจจัยหลายอย่าง ในเบื้องแรก ค่าของเงินดอลลาร์ลดลง กล่าวคือ เงิน 1 ดอลลาร์ในตอนกลางปี 2514 มีค่าเท่ากับ 8 ดอลลาร์ในปัจจุบัน แต่ราคาทองขึ้นไปกว่า 125 เท่า 

ฉะนั้น ปัจจัยสำคัญยังมีอีก ในระบบตลาดเสรีที่ชาวโลกส่วนใหญ่ใช้อยู่ ราคาของสินค้าสะท้อนจุดพบกันระหว่างความเต็มใจจ่ายของผู้ซื้อกับความเต็มใจขายในราคานั้นของผู้ขาย

ข้อมูลของสภาทองคำโลกบ่งว่ามนุษย์เรานำทองออกมาจากธรรมชาติแล้วกว่า 2 แสนตันและยังนำออกมาอีกปีละราว 3,200 ตัน เกือบครึ่งหนึ่งของทองถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับ ราว 10% ใช้สำหรับทำเป็นส่วนประกอบของเครื่องใช้จำพวกอิเล็กทรอนิกส์ นอกนั้นอยู่ในรูปของทองแท่ง

จากข้อมูลดังกล่าว เราอาจสรุปได้ว่าทองราว 10% เท่านั้นมีค่าจริง เพราะมันเป็นส่วนประกอบของสิ่งจำเป็นสำหรับดำเนินชีวิต ส่วนที่เหลืออยู่ในรูปของสิ่งที่ไม่จำเป็น ได้แก่ เครื่องประดับและทองแท่ง

ซึ่งเราตกลงกันว่ามีค่าที่แสดงออกมาเป็นราคาที่เราซื้อขายกัน ราคานี้เป็นสมมติที่นำไปใช้ตีค่าของทองที่ใช้ในการทำเครื่องประดับ ซึ่งไม่มีความสำคัญพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต แต่มนุษย์เราส่วนใหญ่คิดว่ามี

เราคิดว่าทองในรูปต่างๆ มีค่า เพราะเรามั่นใจว่าสามารถนำไปแลกสินค้าและบริการได้ ทั้งในยามปกติและในยามที่โลกมีภาวะวุ่นวาย ทำให้เศรษฐกิจขาดเสถียรภาพร้ายแรง

เราจึงชิงกันซื้อมันเก็บไว้ในราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่ทองไร้ค่า ถ้าโลกประสบปัญหาสาหัสจนไม่สามารถผลิตสิ่งที่มีความจำเป็นพื้นฐานโดยเฉพาะอาหารได้ 

ตัวอย่างที่มักยกมาอ้างประกอบประเด็นนี้ ได้แก่ เมื่อเกาะที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือยกเว้นทองคำหนึ่งกระสอบกับข้าวสารหนึ่งกระสอบ เมื่อนั้นชาวเกาะจึงจะรู้ว่าค่าของทองคำไม่มี

สมมติดังกล่าวนี้มีความโหดร้ายมาก เนื่องจากมันนำไปสู่การกระทำที่มีผลกระทบสูง ทั้งจากด้านการนำเอาทองออกมาจากธรรมชาติ และด้านการทำให้มันเป็นรูปต่างๆ แล้วเก็บรักษาไว้

ตัวอย่างด้านแรก ได้แก่ การร่อนทองและทำเหมืองทองมักต้องตัดต้นไม้ในป่าเป็นบริเวณกว้างและขุดดินซึ่งง่ายต่อการพังทลาย ตามด้วยการใช้ปรอทและไซยาไนด์แยกทอง ซึ่งทำลายสิ่งแวดล้อมสูง 

ตัวอย่างซึ่งเป็นข่าวใหญ่ล่าสุดเกิดขึ้นในแคนาดาเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 กล่าวคือ กองแร่ผสมไซยาไนด์หลายล้านตันที่อยู่ในกระบวนการแยกทองพังทลาย ทำให้ไซยาไนด์ละลายในสายน้ำรอบด้าน สายน้ำเหล่านั้นเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์

ตัวอย่างทางด้านหลังได้แก่ นอกเหนือจากอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตที่อาจเกิดกับผู้ใส่เครื่องประดับแล้ว กระบวนการแยกทอง การนำมาทำเครื่องประดับและทองแท่งแล้วเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย สร้างอันตรายจากการใช้พลังงานทุกขั้นตอน

การผลิตพลังงานเพื่อใช้ในกิจการที่ไม่จำเป็นสำหรับดำเนินชีวิตเหล่านี้ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดภาวะโลกร้อนอันเป็นต้นตอของปัญหาสารพัด

สมมติโดยทั่วไปมีความสำคัญเพราะเราต้องใช้ เช่น ชื่อของเรา แต่มันมักแฝงอันตรายมาด้วย ความเสียหายร้ายแรงมักเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ตระหนัก หรือไปหลงมัน

ค่าสมมติของทองคำ อาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นในด้านการบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศทั่วโลก แต่ประโยชน์นั้นแฝงผลร้ายไว้ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงหากเราไม่ตระหนัก.