จากความท้าทายสู่กฎหมายใหม่ อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทย

ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ(USDA) พบว่า การบริโภคน้ำมันปาล์มโลก ในปี 2567/68 คาดว่าจะขยายตัว 4.30% เทียบกับปีก่อนหน้า
และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563/64 – 2567/68) อยู่ที่ 1.57% ต่อปี ได้แรงหนุนหลักจากภาคอุตสาหกรรมที่เติบโต 2.93% และการบริโภคเพื่อการประกอบอาหารที่เติบโต 0.95% ไทยเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 3 ของโลก รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีปริมาณผลผลิต 3.70 ล้านตัน คิดเป็น 4.65% ของการผลิตโลก และจากฐานข้อมูล Trademap ไทยส่งออกปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์ม และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม เป็นอันดับ 4 ของโลก มีมูลค่า 1,057.28 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 2.36% ของมูลค่าการส่งออกของโลก ขยายตัว 11.04% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินเดีย 72.25% มาเลเซีย 11.79% และเมียนมา 9.19%
ปัจจุบันการผลิตปาล์มน้ำมันของไทยเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริโภค ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพ จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด
ด้านมาตรฐานการผลิตอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคให้ความสำคัญในประเด็นสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ขณะที่การผลิตปาล์มน้ำมันตามหลักการ Roundtable on Sustainable Palm Oil (RSPO) ซึ่งเป็นมาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก มีต้นทุนในการขอรับรองมาตรฐานที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งมาตรการ EU Deforestation Regulation (EUDR) ล้วนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่างกฎหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยจะมีสำนักอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ที่จะเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมดูแลร่างกฎหมายนี้ และอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใช้ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ซึ่งเกษตรกรจะได้ผลประโยชน์จากการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่แปรรูป อีกทั้งจะมีระบบประกันรายได้และการสร้างระบบซื้อขายอย่างเป็นธรรม ที่สำคัญ จะทำให้เกษตรกรไม่ต้องเร่งขายปาล์มที่ยังไม่สุกเต็มที่ ควบคู่ไปกับมีการควบคุมการชั่งน้ำหนัก คำนวณเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มอย่างเป็นธรรม ซึ่งถือได้ว่าจะช่วยสร้างผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมโดยแท้จริง ซึ่งทั้งหมดนี้ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ให้เติบโตอย่างสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความพร้อมในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน”
นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายการสร้างเสถียรภาพและความเข้มแข็งทางการค้าสินค้าปาล์มน้ำมัน ว่า สนค. เล็งเห็นแนวโน้มความต้องการน้ำมันพืชของโลกที่เติบโตต่อเนื่อง และไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าปาล์มน้ำมัน จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดและยกระดับการค้าสินค้าปาล์มน้ำมันของไทย แต่การผลิต เป็นความท้าทายสำคัญ ที่ต้องพัฒนาคุณภาพผลผลิตปาล์มน้ำมันให้มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ซึ่งมีภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งเกษตรกร คนตัดปาล์ม ลานเท และโรงสกัด ที่จะต้องร่วมมือกันผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มคุณภาพ เพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มของไทยมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น
การดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย แนวทางการสร้างเสถียรภาพ โอกาสและศักยภาพการแข่งขันทางการค้าให้กับสินค้าปาล์มน้ำมัน
นอกจากนี้ ยังได้จัดทำฉากทัศน์ภาพอนาคต (Foresight) ปาล์มน้ำมัน โดยวิเคราะห์ คาดการณ์ปัจจัยและแนวโน้มทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นต่อการค้าปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สำหรับเป็นข้อมูลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานสามารถเตรียมความพร้อมในการปรับตัว วางแผนนโยบาย และกำหนด
กลยุทธ์การดำเนินงานต่อไป โดยพบว่าการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และความจำเป็นด้านความยั่งยืน เป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลสูงและขับเคลื่อนปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพอนาคตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มไทย
"จากการศึกษาฯ มีข้อเสนอเบื้องต้น เช่น ต้องให้ความสำคัญกับการผลิตผลปาล์มคุณภาพเพื่อให้ได้ทะลายใหญ่ น้ำหนักดี มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม จากนี้สนค. จะนำข้อมูลและความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนไปวิเคราะห์ประมวลผลและจัดทำรายงานการศึกษา“ฉบับสมบูรณ์ พร้อมจัดทำเอกสารเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการฯ เพื่อเผยแพร่ผลการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อไป”
ทั้งนี้ แนวทางยกระดับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันควรพัฒนาระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลการผลิตปาล์มและปริมาณทั้งประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนเชิงนโยบาย การผลักดันการต่อยอดน้ำมันปาล์มสู่อุตสาหกรรมโอลีโอเคมีเพิ่มขึ้น ในระยะยาว ตลอดจนหาตลาดศักยภาพรองรับสินค้าปาล์มน้ำมันที่ได้รับมาตรฐานปาล์มน้ำมันยั่งยืน







