ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ตลาดจับตาแนวโน้มภาษีการค้าสหรัฐ

ราคาน้ำมันทรงตัววันพฤหัสบดี หลังจากร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และระดับสต็อกน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ซื้อขายต่ำกว่า 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงติดต่อกันสี่วัน โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (West Texas Intermediate:WTI ) สูงกว่า 65 ดอลลาร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาจะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 15-50% ก่อนเส้นตายการเจรจาการค้าในวันที่ 1 สิงหาคม อัตราภาษีนำเข้า 15% ถูกกำหนดไว้สำหรับญี่ปุ่นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังดำเนินการเพื่อบรรลุข้อตกลงที่คล้ายคลึงกัน
“ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์ด้านความต้องการที่ไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก ขณะที่ตลาดแสดงความโล่งใจต่อความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าที่เลวร้ายที่สุดที่ไม่เกิดขึ้น” วิษณุ วราธาน หัวหน้าฝ่ายมหภาคประจำเอเชียของธนาคารมิซูโฮ กล่าว แต่ “การรู้สึกดีกับภาษีนำเข้า” นี้อาจเป็นเพียงการบรรเทาชั่วคราวในสิ่งที่ยังคงมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วประเทศสหรัฐฯ ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าระดับน้ำมันดิบที่คุชชิง ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำมันดิบ WTI จะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สามแล้วก็ตาม แม้ว่าปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังจะสูงขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดตามฤดูกาลนับตั้งแต่ปี 2539
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในเดือนนี้ โดยตลาดน้ำมันดีเซลทั่วโลกตึงตัวในช่วงฤดูร้อนถูกชดเชยด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานล้นเกินจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) เนื่องจากกลุ่ม OPEC+ จะปรับเพิ่มโควตาการผลิต
ด้านมาตรการคว่ำบาตรยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมาตรการควบคุมรัสเซียล่าสุดของสหภาพยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้า เช่น อินเดีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ย้ำว่าการซื้อน้ำมันจากรัสเซียและอิหร่านของจีนอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้าในสัปดาห์หน้า
อัปเดตราคาเช้านี้ (24 ก.ค.)
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 68.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 8:03 น. ตามเวลาสิงคโปร์
ราคาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 65.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล






