นโยบายการสร้าง Global Brand ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร

นโยบายการสร้าง Global Brand ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไร

การที่องค์กรนั้นๆ มีนโยบายในการเติบโตไปเป็น โกลบอล แบรนด์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดประโยชน์เพียงแค่ต่อแบรนด์หรือองค์กรของตัวเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตด้านเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  •  จุลเกียรติ สินชัยชูเกียรติ Founder of Baramizi group ส่งต่อประสบการณ์นโยบายการสร้าง Global Brand ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศอย่างไร?
  • รัฐบาลเราหลายๆ ชุดพยายามอย่างยิ่งที่จะปลุกปั้น Creative Economy หรือ Soft power แต่ก็ต้องบอกว่ายังมองไม่สุด
  • การทำให้เแบรนด์ประเทศไทยเกิดในเวทีโลก ต้องผลักดันเจ้าของแบรนด์ให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีโกลบอลแบรนด์น้อยมาก

การที่องค์กรนั้นๆ มีนโยบายในการเติบโตไปเป็น โกลบอล แบรนด์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดประโยชน์เพียงแค่ต่อแบรนด์หรือองค์กรของตัวเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการเติบโตด้านเศรษฐกิจและห่วงโซ่ทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจอย่างมาก

ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานที่มีมูลค่าในประเทศ พัฒนาโอกาสและความหวังตลอดจนความภาคภูมิใจของคนในประเทศอีกด้วย

ครั้งหนึ่งจากประสบการณ์ตรงที่ผมเป็นคอนซัลต์ให้กับธุรกิจจำนวนมาก และต้องทำงานใกล้ชิดกับทั้งผู้ก่อตั้ง (Founder) ผู้บริหารระดับสูง (C level ) มามากมายนั้น ผมมีเรื่องที่อยากเล่าและถ่ายทอดให้ผู้อ่านทุกท่านได้ฟัง 

ผมและทีมบารามีซี่มีโอกาสทำงานกับเจ้าของแบรนด์ธุรกิจโคมไฟตกแต่ง ที่มีประสบการณ์กับการทำธุรกิจโคมไฟมากกว่า 20 ปี และได้พัฒนาแบรนด์จากธุรกิจขายส่งที่ต้องแข่งขันด้านราคา

โดยได้ทรานสฟอร์มรอบแรกจากตลาดล่างขึ้นไปสู่ตลาดพรีเมียม  เพื่อวางเป้าหมายเป็น Top of mind แบรนด์โคมไฟคริสตัลแท้ในประเทศ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ปี แผนงานนี้ก็ลุล่วงสามารถขยับตำแหน่งแบรนด์นี้ขึ้นมาในตลาดพรีเมียม โดยมีพาร์ทเนอร์โคมไฟเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายหลายแบรนด์

อันนี้คือความสำเร็จในรอบแรก ถัดมาเมื่อเศรษฐกิจของโลกมีการปรับตัวการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและแหล่งผลิตสินค้าทั่วโลกมีมากขึ้น อีกทั้งตลาดในประเทศเกิดใหม่อย่างใน SEA มีโอกาสที่สูงมาก และแบรนด์เรามีองค์ความรู้ประสบการณ์ที่มากขึ้น

ก็ถึงเวลาที่ผมและทีมงานได้ช่วยลูกค้าแบรนด์นี้มองถึงแผนต่อไปในการขยายแบรนด์และธุรกิจนั่นคือ การวางแผนเส้นทางสู่ Global brand ในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงเริ่มขึ้นโดยมีแนวคิดที่เปลี่ยนจากการนำเข้าสินค้ามาขายในประเทศ แต่จะกลายเป็นไปออกโชว์สินค้าเพื่อขายคนทั้งโลกแทน ครับนี่คือเป้าหมายต่อไป 

เมื่อเราวิเคราะห์ผลลัพธ์ของ การทำ Brand & Business Transformation รอบนี้ จากตลาด local ไปเป็น Global เราสร้างคุณค่าอะไรบ้างและช่วยประเทศเราอย่างไร

ทั้งนี้ก่อนจะลงมือทำอะไร เราต้องมองก่อนว่าจุดมุ่งหมายเชิงคุณค่าที่ให้กับสังคม ให้กับลูกค้าและประเทศของเรานั้นมีอะไร ถ้าเราสามารถตั้งหลักในการมีคำตอบเรื่องนี้ได้ก็ถือว่า “จุดมุ่งหมายเชิงคุณค่า” ผ่านการเดินต่อนั้นก็จะทรงพลังมากขึ้น 

เรามาดูกันนะครับว่าสิ่งที่ได้จากการที่แบรนด์นี้มีนโยบายก้าวสู่ Global brand ก่อให้เกิดคุณค่าอะไรบ้าง ถ้าแบรนด์โคมไฟระดับพรีเมียมของประเทศไทยกลายเป็น Global brand เกิดอะไรขึ้น  

1.ความภาคภูมิใจให้กับคนไทยในประเทศ และ เป็นการสร้างแบรนด์ประเทศไทย ( Boost up Thailand Brand ) ด้านการออกแบบและงานฝีมือสู่สายตาชาวโลก

เรื่องนี้เราไม่ค่อยได้พูดกันในหมู่ของเจ้าของแบรนด์ เพราะเรามองว่าการสร้างแบรนด์ประเทศไทยต้องใช้เม็ดเงินเยอะๆ ให้รัฐบาลไปสื่อสารหรือออกแคมเปญออกมา ซึ่งผมคิดว่าการสร้างแบรนด์แบบใช้งบรัฐไปทำโฆษณานั้นเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น ไม่ยั่งยืน

การทำให้แบรนด์ประเทศไทยเกิดในเวทีโลก ต้องผลักดันเจ้าของแบรนด์ในประเทศให้กลายเป็นโกลบอลแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จให้มากขึ้นกว่านี้ ซึ่งในปัจจุบันเราถือว่าประเทศไทยมีโกลบอลแบรนด์น้อยมากครับ

เมื่อแบรนด์ไทยได้รับการยอมรับในตลาดโลกแบรนด์ประเทศก็แข็งแรงตามไปด้วยนั่นเอง แบบนี้ยั่งยืนกว่ามากครับ

2.สร้างโอกาสและสนับสนุนให้กับมืออาชีพเป็นการส่งเสริมสร้างสรรค์ ( Boost up Design & Creative Economy ) นักออกแบบ สถาปนิก นักการตลาดและนักสร้างแบรนด์ในประเทศให้มีโอกาสแสดงฝีมือในเวทีโลก

สำหรับข้อนี้ผมก็เห็นว่า รัฐบาลเราหลายๆ ชุดพยายามอย่างยิ่งที่จะปลุกปั้น Creative Economy หรือ Soft power แต่ก็ต้องบอกว่ายังมองไม่สุด 

ในเรื่องการทำให้ Key results ต้องเกิดเป็น Global brand ได้อย่างแท้จริง จึงจะทำให้แรงงานในอุตสาหกรรมนี้มีพื้นที่ หรือมีโอกาสแสดงผลงานจริงๆ ในเวทีโลก

โดยไม่ต้องรอแค่โครงการจากภาครัฐ หรือทำแค่ในระดับ OTOP นั้นไม่พอครับ ต้องผลักดันธุรกิจหรือแบรนด์ที่มีความพร้อมมากกว่าให้ก้าวไปสู่ความเป็น Global brand ถ้าทำได้นั่นแหละครับ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นเป็นจุดเด่นประเทศเราอย่างแน่นอนครับ

3.สร้างเงินหมุนเวียนให้เกิดขึ้นกับระบบห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจในประเทศ ( Boost up Supply chain ) อาทิ การจ้างแรงงานที่มีคุณภาพ และ การจ้าง Supplier

ในประเทศสำหรับในประเด็นนี้คือ การลดหนี้ครัวเรือนในประเทศและทำให้อุตสาหกรรมแรงงานฝีมือต่างๆ ในประเทศที่มีความ craft มักจะเป็นกลุ่มชุมชน ช่างที่กระจายตัวในที่ต่างๆ ได้ทำงานอยู่ในพื้นที่ตนเอง

และมีรายได้จากการจ้างผลิตโคมไฟ จ้างการตีเหล็ก ตีทองเหลือง ที่เป็นช่างฝีมือที่ประเทศเรามีความโดดเด่นมากทำให้ห่วงโซ่เศรษฐกิจในประเทศกลุ่มนี้ยังอยู่ได้และขยายตัวต่อไปได้ ทำให้เงินหมุนเวียนกลับมาในประเทศเรามากยิ่งขึ้น 

4.ข้อนี้ขาดไม่ได้คือ ยกระดับคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า (Boost up Customer Value) หรือผู้บริโภคทั้งเจ้าของโครงการ และ เจ้าของบ้านได้ของคุณภาพดี มีความภาคภูมิใจในแบรนด์ในราคาที่ถูกลงมากขึ้น

ผู้บริโภคไทยอยากอุดหนุนสินค้าแบรนด์ไทย ผมเชื่ออย่างนั้น ถ้าแบรนด์ไทยสามารถสร้างคุณค่าในแบรนด์ที่มากกว่าแค่ตัวคุณภาพสินค้าเท่านั้น (คุณภาพสินค้าสำคัญแต่ยังไม่พอครับ ต้องสร้างคุณค่ามากกว่านี้) 

ในบทนี้ผมสรุปจากประสบการณ์ตรงแบบย่อ และให้เห็นว่านี่แค่แบรนด์เดียวของอุตสาหกรรมโคมไฟตกแต่งนะครับ ยังสร้างประโยชน์ให้กับระบบเศรษฐกิจในประเทศขนาดนี้แล้ว

ถ้าเป็นภาพรวมทุกๆ แบรนด์ทำพร้อมกันเป็นร้อยเป็นพันจะเกิด Impact ต่อเศรษฐกิจ สังคม และความสุขของคนในประเทศมาแค่ไหน ลองนึกภาพดูนะครับ ว่าที่ผมสรุปมาให้จริงหรือไม่?